ครั้งแรกที่ไป Blausee พอแปะรูปบนเฟสบุคเท่านั้นคนก็ถามกันใหญ่ว่าที่ไหนๆ สวยมากๆ เหมือนจิ่วจ้ายโกว น้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าสด ล้อมรอบด้วยป่าแน่นขนัดด้วยใบไม้สีเขียว สีสันจัดจ้านตรึงตาตรึงใจมาก ถ่ายรูปออกมายังไงก็สวย “ทะเลสาบสีฟ้า” ที่แปลตรงๆจากชื่อนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองอินเทอร์ลาเก้นเลย ขับรถแค่ครึ่งชั่วโมง จากซูริคไปก็แค่ 2 ชั่วโมง เป็นทริปแถมหรือไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ นอกจากไปง่ายแล้วยังเดินง่ายเที่ยวง่าย เพราะมันเล็กๆเดินไม่มาก และได้ครบรสทั้งธรรมชาติน้ำป่าและยังได้กินของอร่อยอีกด้วย
ทะเลสาบนี้เดินได้รอบในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง เป็นทะเลสาบที่คนมาตกปลาเทร้าท์กัน จากทางเข้า ซื้อตั๋วเดินเข้าไปนิดเดียวก็ถึงทะเลสาบ สิ่งแรกที่จะเห็นคือคนยืนตกปลากันเต็ม เขาจัดอุปกรณ์การล้างชำแหละปลาไว้ให้อย่างสะดวกและเพื่อความสะอาดเป็นระเบียบ จากจุดนี้ก็เห็นทะเลสาบสีฟ้าสวยจนน่าตะลึงแล้ว แต่ควรเดินวนรอบไปตามทางเดินที่เขาทำไว้ จะได้ชมวิวจากมุมต่างๆ และยังได้ชมความงามของป่ารอบๆด้วย ที่ฉันชอบมากๆคือป่านี้มีสีสันที่สดและสวยขึ้นกล้องไม่แพ้ตัวทะเลสาบเลย ต้นไม้มีใบเขียวเข้ม ลำต้นสีน้ำตาลมีมอสเขียวเกาะ ส่วนที่พื้นมีใบไม้แห้งสีน้ำตาลแดงทับถมเป็นพรมนุ่มเต็ม สีแดงเขียวที่ตัดกันอย่างเข้มข้นนี้สวยมากๆ
ใครเดินไม่เก่งก็เดินไปตามทางเดิน แต่นักสำรวจต้องตามฉันมา ไต่ขึ้นไปบนเขาชันที่มีพื้นใบไม้สีน้ำตาลและก้อนหินสลับเป็นระยะๆ เหมือนหลุดเข้าไปในป่าในสวรรค์ เผลอนึกว่าตัวเองเป็นภูติน้อยแสนสวยได้ง่ายๆ ถ่ายรูปออกมาสีสวยมาก ปีนป่ายไม่ยากอะไร พื้นที่เล็กๆ เหงื่อไม่ทันออกหรอก แค่ต้องสวมรองเท้าเดินป่าดีๆจะได้ไม่ลื่น
หากเดินไปตามทางเดินก็จะมาถึงสะพานที่พาดเหนือน้ำในทะเลสาบ วิวตรงนี้ก็สวยมากอีกเช่นกัน โรแมนติกสุดจะบรรยาย มองไปเห็นน้ำสีฟ้าสด มีต้นไม้ล้มจมอยู่ในน้ำตื้นๆให้เส้นสายแสงเงาที่สวย และเห็นตัวอาคารที่เป็นร้านอาหารและโรงแรมอยู่ทางขวา สวยทุกมุม จากบนสะพานมองลงไปในน้ำจะเห็นรูปปั้นสาวน้อยหนึ่งนางจมอยู่ในน้ำในท่าที่เหมือนจะแหงนหน้าขึ้นมองเรา มีป้ายเล่าเรื่องว่า สาวนางนี้ชอบมาใช้เวลาริมทะเลสาบนี่นานๆกับหนุ่มคนรัก อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนุ่มเกิดเป็นอะไรตายไปไม่รู้กะทันหัน เธอเสียใจมากมาร้องไห้ที่นี่ทุกวันจนตรอมใจตายที่ริมทะเลสาบ ว่ากันว่าน้ำตาเธอทำให้น้ำในนี้เป็นสีฟ้า เมื่อปี 1998 ศิลปินช่างปั้นเลยปั้นรูปมาไว้ใต้น้ำเป็นที่ระลึกถึงเรื่องเล่าที่บอกกันต่อๆมานี้
รอบๆสวนป่านี้น่าเดินสำรวจปีนป่ายไปเรื่อยๆ จังหวะจะโคนของก้อนหินและต้นไม้มันสวนชวนเดินชม และข้างๆโรงแรมมีบ่อเลี้ยงปลาเทร้าท์ออร์แกนิกให้ศึกษาดูการเพาะเลี้ยงตั้งแต่เป็นไข่ไปเป็นตัวเล็กและโตกินได้ เป็นทัศนศึกษาที่น่าสนใจของเด็กๆ ถึงเวลาอาหารก็มาเลย ไปนั่งที่ระเบียงกว้างของร้านอาหารในอาคารโบราณสวยนั้น เมนูเต็มไปด้วยปลาๆๆสมกับคอนเซ็ปต์สถานที่ตกปลา มีปลาให้เลือกหลายอย่าง แต่ที่ควรชิมคือปลาเทร้าท์จากทะเลสาบนี้จะได้มาถึงจริงๆ ส่วนฉันไปทุกครั้งขอสั่งแต่ปลาลูกครึ่งที่ผสมระหว่างเทร้าท์และซาลมอน จริงๆปลาสองชนิดนี้เนื้อคล้ายกันมาก พอมาผสมกันยิ่งอร่อย และหากินยาก ขอแนะนำให้สั่ง ในเมนูมีหลายจาน อาหารทุกอย่างที่ชิมมาหลายครั้งอร่อยมากๆทุกจาน ขนาดฉันไม่ใช่คอกินปลายังติดใจ
ได้ยินว่าโรงแรมนี้มีสปาดีมากด้วย นอนผ่อนคลายนวดเข้าซาวน่าไปและยังมองออกมาเห็นวิวสวย น่ามานอนหลบโลกเสาร์อาทิตย์เติมพลังหรือเป็นทริปโรแมนติกเก็ตอะเวย์อย่างที่สุด แต่หากจะไม่มาพักค้างคืนก็สามารถชมวิวแบบเอ๊กซ์คลูซีฟได้เหมือนกัน เพราะพอหลัง 5 โมงเย็นอุทยานจะปิดไม่ให้คนเข้าอีก แต่ใครมาทานอาหารหรือพักที่โรงแรมก็จะได้ละเลียดวิวเต็มๆแบบไม่มีนักตกปลาพลุกพล่าน ดังนั้นสามารถแพลนมาเที่ยวบ่ายๆและอยู่ดินเนอร์ต่อเลยได้
เที่ยวแบบคนอยู่สวิตฯที่แรกที่เบลาเซนี้ รับประกันว่าถ่ายรูปออกมาใครๆต้องถามว่า สวยจังที่ไหนอะ บอกไปเลย สวิตเซอร์แลนด์แบบเหนือฟ้าค่ะ
เที่ยวสวิสแบบนี้เลยที่อยากไป หาข้อมูลไม่ค่อยได้จากเว็บทั่วไปดีใจที่มาเจอที่นี่ แถมเจ้าของเว็บใจดียินดีตอบทุกคำถาม ทริปสวิสรอบนี้น่าจะสนุกขึ้นอีกมากค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ ดีใจที่ชอบค่า เที่ยวให้สนุกนะคะ
Comments are closed.