1. Oia, Santorini
ช่วงเวลาตะวันตกดินเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสุดเสมอสำหรับฉัน ไม่ว่าจะไปเที่ยวไหนก็จะต้องสรรหามุมชมพระอาทิตย์ตกและจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อดื่มด่ำให้เต็มอิ่ม แต่หากถามว่า ช่วงเวลาซันเซ็ตที่ไหนสวยที่สุด ตอบโดยไม่คิดเลยว่า หมู่บ้านเอีย เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ และต้องชมแบบลงเรือยอทช์ล่องไปตามชายเกาะเพื่อชมวิวอาทิตย์อัสดงเต็มๆตาจากในเรือด้วยจึงจะสุดยอด
เอียอยู่ทางตอนเหนือสุดของซานโตรินี ทางตะวันตกของเกาะมี Caldera หรือเกาะที่เป็นยอดส่วนพ้นน้ำของปากปล่องภูเขาไฟ จากเอียมองออกมาในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจึงจะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกพร้อมเงาดำของคาลเดร่าบนฟ้าสีส้ม เป็นวิวที่สวยจับใจและขึ้นชื่อว่าต้องไปชม แต่หากล่องเรือยอทช์ออกมาในทะเล จะได้เห็นทั้งวิวอาทิตย์ลับจับเงาคาเดร่าและหมู่บ้านเอียที่บ้านสีขาวทุกหลังซึ่งไล่เลาะเกาะอิงอยู่บนผาถูกทาด้วยแสงอาทิตย์อัสดงกลายเป็นสีส้มทองไปทั้งหมู่บ้าน ยิ่งประทับใจเป็นสองเท่า
เรือยอทช์นี้มีหลายบริษัทให้เลือก แนะนำให้เลือกแบบเรือคาทามาแรนเพราะจะโคลงเคลงน้อยกว่าและแล่นได้เร็วกว่า และให้เลือกทัวร์ที่มีแขกไปไม่เกิน 20 คน ถึงจะแพงกว่าแบบคนไปเยอะๆแต่จะชมวิวโรแมนติกทั้งทีคงต้องเลือกแบบที่คนไม่มาก ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้บรรยากาศ ไม่ว่าพักที่โรงแรมไหนบริษัทเรือจะเอารถมารับถึงที่แล้วพาไปท่าเรือ เรือออกราวบ่ายสามโมง ล่องชมความงามของซานโตรินีไประหว่างทาง บ้านเรือนสีขาวหรือโบสถ์ปูนขาวมีหลังคาเป็นโดมกลมสีฟ้าตั้งอยู่บนชะง่อนผาหินบนเกาะ ชมหาดทรายสีแดง (Red beach) ที่มีทรายและผาหินสีแดงตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าจัด และหาดทรายขาว (White beach) ซึ่งมาได้เฉพาะทางเรือเท่านั้น แต่ละจุดจะจอดให้ลงว่ายน้ำเล่นราวครึ่งชั่วโมง ได้ชมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแบบถึงเนื้อถึงตัว และได้เห็นบ้านปูนขาวหลังคาฟ้าแบบกรีซเหมือนในหนังจากมุมทะเลมองเข้าไป บนเรือยังมีดินเนอร์อาหารกรีกแท้ๆเสิร์ฟไม่อั้นแกล้มไวน์หรือ Ouzo เหล้าดีกรีแรงประจำชาติ อร่อยด้วยความสดและด้วยบรรยากาศที่พาให้เจริญอาหาร
แต่ที่สุดยอดจริงๆคือวิวยามอาทิตย์กำลังจะลับตา เรือจะพามาอยู่นอกชายฝั่งระหว่างเอียและคาลเดร่าพอดี ท้องฟ้าเป็นสีส้มทอง สุริยาที่ตกลับลงหายไปในรอยต่อของขอบฟ้าและทะเล ทำให้คาลเดร่าเป็นภาพเงาดำแบบ silhouette ในขณะเดียวกัน บ้านปูนสีขาวบนหน้าผาของเอียก็ถูกย้อมเป็นสีส้ม สวยประทับใจและโรแมนติกเป็นที่สุด จนสีดำค่อยๆทาทับสีส้ม ราตรีคลี่ผ่าห่มสีเข้มค่อยๆทิ้งตัวลงบนเอียทั้งหมู่บ้าน หลังคาโค้งกลมของแต่ละบ้านสะท้อนเป็นเงารางๆในความมืด คาทามาแรนพาเราแล่นโต้ลมจากมากลับเข้าฝั่งพร้อมหัวใจที่ยังคงอึ้งตะลึงงันกับความสวยเกินบรรยาย
ต้องยกให้เป็นวิวพระอาทิตย์ตกที่งามจับตาและโรแมนติกจับใจที่สุดของที่เคยไปเห็นมาอย่างขาดลอย
Tips:
บริษัทล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกที่ซานโตรินีมีหลายแห่ง เช่น www.santorini-sailing.gr และ www.santorinisailing.com ใช้เวลา 5 ชั่วโมงราคาประมาณคนละห้าพันบาท หรือจะให้โรงแรมแนะนำและจองให้ก็ได้ โรงแรมที่ฉันพักและแนะนำอย่างยิ่งคือ Kirini Suite and Spa www.kirini.com ในกลุ่มโรงแรม Katikies www.katikieshotelsantorini.com ซึ่งเป็นโรงแรมบูทีคสุดยอดโรแมนติกแห่งแรกๆบนซานโตรินี
2. Bagan อัสดงแสงฉานที่พุกาม
หนึ่งในที่ที่ตั้งใจไว้ว่าต้องไปเห็นให้ได้ก่อนตายคือเมืองพุกามยามแสงตะวันรอน อยากจะเห็นเจดีย์สี่พันองค์ถูกทาบทาด้วยแสงสุดท้ายของวัน คงจะขลังมลังเมลืองยิ่งนัก
คงเป็นเพราะใกล้บ้านเกินไปเลยไม่ได้ไปเสียที แต่ในที่สุดที่พม่าเริ่มเปิดประเทศ ใครๆก็แห่กันเข้าไปค้าขาย ฉันเลยตัดสินใจว่ารอไม่ได้แล้ว ต้องรีบไปเที่ยวเจาะพม่าก่อนที่เสน่ห์เดิมๆจะหมดไป บินจากกรุงเทพไปลงที่ย่างกุ้ง ชมความงามน่าตะลึงของเจดีย์ชเวดากองและกราบบูชาด้วยใจมั่น จากนั้นขึ้นเครื่องภายในประเทศไปลงเมืองพุกาม ถึงตอนสายๆก็ต้องไปตลาดยองอูก่อน พบว่าชอบตลาดที่นี่ที่สุด ยังมีกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นแท้ๆ แม้จะมีนักท่องเที่ยวไปเดินมากแต่ก็ไม่เสียบรรยากาศหรือดูจัดฉากอย่างตลาดอื่น พื้นยังเป็นดิน แผงขายของเป็นไม้โย้ๆเอียงๆด้วยอายุการใช้งาน บรรยากาศตลาดสดแบบชาวบ้านๆยังคงสเน่ห์แรง ของที่ขายก็น่าซื้อ รองเท้าสานทำมือ เครื่องเขินลงยา ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาหุ่นกระบอก ที่ถูกใจมากคือบรรดาของเก่าชิ้นเล็กชิ้นน้อย ฉันถูกใจรูปหล่อทองเหลืองท่านสุเมธดาบสในท่านอนทอดกายพนมมือให้พระทีปังกรสัมมาสัมพุทธเจ้าเหยียบดำเนินข้ามเลนตม คิดว่าไม่ใช่ของเก่าโบราณแต่ก็คงมีอายุพอควร สีทองเหลืองอมดำสวยขลัง รู้สึกว่าต้องได้มาเป็นเจ้าของ สิ่งละอันพันละน้อยแปลกๆหายากดูเพลินในตลาด คนชอบของเก่าๆคงถูกใจมากๆ
มีเวลาอีกทั้งบ่ายกว่าจะถึงเวลาอาทิตย์ตกที่รอคอย จึงอุ่นเครื่องไปกับการชมวัดวาและมหาเจดีย์ทั้งหลายจนครบ ทั้งพระมหาเจดีย์ชเวสิกองอันเป็นมหาเจดีย์สถานที่นับถืออย่างมากของชาวพม่าเพราะเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระเขี้ยวแก้ว สูงถึง 160 เมตรเป็นสีทองเงางามอร่ามสะท้อนแดดน่าตะลึงนัก เจดีย์อนันดาเพชรเม็ดงามแห่งสถาปัตยกรรมพุกามมีพระพุทธรูปประทับยืนที่สวยงามมากด้านในสี่องค์สี่ทิศ เจดีย์ติโลมินโลสีส้มดิบเปลือยของอิฐที่ก่อ บูพญาเจดีย์อันมีลักษณะทรงน้ำเต้าตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิระวดี เป็นเจดีย์องค์ที่เก่าที่สุดในพุกาม และเจดีย์สัพพัญญูหรือถัดบินยู (Thatbyinntut Pagoda) ที่มีความสูงที่สุดในเมืองพุกาม
และเมื่อใกล้เวลาตะวันรอน เราก็ไปถึงเจดีย์ชเวซานดอร์ จุดชมวิวทะเลเจดีย์ยามอาทิตย์อัสดง เราปีนขึ้นไปชั้นบนสุด ผู้คนมาจับจองที่นั่งเพื่อรอชมวิวกันอยู่แล้วมากมาย แต่เราก็สามารถหาที่แทรกตัวเข้าไปนั่งห้อยขาได้โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ระหว่างรอก็ได้ชมวิวทะเลเจดีย์สี่พันองค์อย่างช้าๆเต็มๆตา ช่างนิ่งสงบสวยงามเย็นตาเย็นใจนักแม้จะอยู่ท่ามกลางคนมากมาย เดิมว่ามีเจดีย์เป็นจำนวนมากกว่า 10,000 องค์ อยากจะเห็นตอนนั้นจริงๆ แต่ที่เหลืออยู่สี่พันองค์ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ก็นับว่าอัศจรรย์มากแล้ว เป็นเพราะว่าพุกามเป็นเขตแห้งแล้งเจดีย์จึงไม่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติใดๆ
ในที่สุดพระอาทิตย์ก็เคลื่อนคล้อยต่ำลงตรงขอบฟ้า ทอแสงทาบทาอาบเจดีย์นับพันสุดลูกหูลูกตาให้เป็นสีส้มอร่ามตัดกับป่าไม้ใบหญ้าสีเขียวสด สวยงามจับตาอย่างมิหาที่ใดเหมือน เสียงชัตเตอร์กล้องมากมายรัวๆไม่สามารถดึงสมาธิของฉันออกจากภาพอันน่าตะลึงนั้นได้ ที่นี่คงเป็นที่เดียวในโลกที่มีเจดีย์เป็นพันๆองค์แผ่ไพศาลออกไปจนสุดสายตา คุ้มแล้วที่ได้มาเห็นกับตาก่อนตาย และก่อนที่พม่าจะเปิดประเทศรับโลกสมัยใหม่เข้าไป นี่คือวิวตะวันพันแสงยามอัสดงไม่เหมือนที่ใดที่ต้องมาเห็นด้วยตาตนเอง
Tips:
สายการบินภายในประเทศพม่ามีมากมายหลายสายแต่เอาแน่เรื่องเวลาไม่ได้เลย อาจเปลี่ยนแปลงเวลาบินในนาทีสุดท้ายได้ตลอด จึงควรวางแผนการเดินทางให้ยืดหยุ่นเข้าไว้
ที่พม่าต้องถอดรองเท้าถุงเท้าก่อนเข้าบริเวณวัดหรือเจดีย์เสมอ ควรพกเอากระดาษเปียกไปเช็ดเท้าด้วย ไม่อย่างนั้นตกเย็นเท้าจะดำมากๆจนแทบจะขัดไม่ไหว และผู้หญิงอย่าใส่เสื้อแขนกุดกระโปรงสั้นไป ทางที่ดีซื้อโสร่งพม่าใส่เก๋ได้ใจเข้ากับบรรยากาศเป็นที่สุด
โรงแรมที่พุกามมักเรียบง่าย ฉันพักที่ Tharaba Gate Hotel ร่มรื่นสวยงามสบายและใกล้กับจุดท่องเที่ยวทุกจุด
แนะนำให้หาไกด์ท้องถิ่นขับรถพาเที่ยว จะได้ฟังเรื่องราวประวัติศาสตร์ต่างๆที่มีมากมาย หรือถ้าไม่กลัวร้อนจะเช่าจักรยานปั่นชมเจดีย์ต่างๆก็ได้อารมณ์เข้ากับบรรยากาศดี
3. Zanzibar
เกาะที่แค่ชื่อก็เย้ายวนป่วนใจแล้ว ยิ่งเมื่อรู้ว่าอยู่นอกชายฝั่งแอฟริกาในมหาสมุทรอินเดีย แค่คิดถึงอากาศอุ่นๆ หาดทรายแสงแดด วัฒนธรรมที่คลุกเคล้าอินเดียและแอฟริกันเข้าไว้ด้วยกัน ก็ยิ่งอยากจะไปสัมผัส และเมื่อได้ไปถึง บอกเลยว่าเอ็กโซติกที่สุด
และที่ไม่คาดหวังก็คือฉากตะวันรอนยามเย็น ที่เป็นภาพที่ตะลึงตรึงใจถึงสองฉาก จนต้องยกอันดับ Sunset เหนือฟ้าเบอร์สามให้
ที่ Stone town เมืองเก่าเก๋มรดกโลก ยามเย็นตรงริมท่าน้ำจะมีเด็กๆมากระโดดน้ำเล่น เด็กผู้ชายตั้งแต่สักสิบขวบไปจนถึงวัยรุ่นหนุ่มต่างมารวมตัวกัน แข่งกันกระโดดลงไปในน้ำจากขอบกำแพงริมฝั่งที่ก่อด้วยปูน ฉันไม่แน่ใจว่าเข้าวัดผลกันที่อะไร แต่เห็นเด็กๆเข้าคิวกระโดดกันไม่หยุดหย่อน โดดลงไปด้วยท่างอเข่าลงบ้าง หัวโหม่งบ้าง พอถึงแผ่นน้ำแล้วก็ว่ายเข้าฝั่งขึ้นมากระโดดลงไปอีก เสียงหัวเราะเฮฮา บรรยากาศคึกคัก เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ฟันขาวๆอวดตัดกับผิวสีเข้ม ฉันยืนดูได้ไม่เบื่อ ช่างเป็นธรรมชาติและเป็นความสุขที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ และเมื่อดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงปริ่มน้ำ ทะเลถูดอาบเป็นสีส้ม ภาพเด็กๆที่กระโดดลงน้ำอยู่ฉากหน้าก็กลายเป็นภาพเงาดำ silhouette สวยงามจนต้องรัวกล้องเก็บภาพ ยังไม่พอ มองออกไปไกลๆก็ยังเห็นเรือ Dhoni เรือใบแบบท้องถิ่นแอฟริกาที่ทำด้วยไม้และมีใบผ้าดิบสามเหลี่ยมที่ทอดสมอลอยตัดอยู่หน้าแสงอาทิตย์ที่ยอแสง สวยงามแปลกตา มีเรือโดนิแล่นช้าๆผ่านมาเข้าฉาก จากขวาไปซ้าย และเมือ่ใบสามเหลี่ยมตัดเข้ามาอยู่หน้าดวงสุริยาสีส้มกลมโต โอ สุดจะบรรยาย โรแมนติกสุดใจ
เย็นวันต่อมาฉันย้ายไปพักบังกะโลเล็กน่ารักริมชายหาดทางเหนือของเกาะ เนื่องในโอกาสพิเศษจึงขอให้โรงแรมจัดการไปจ้างคุณลุงชาวประมงเอาเรือโดนิมารับไปโล้เล่นในทะเล ขนเอาแชมเปญไปเปิดบนเรือจิบเคล้าวิวอาทิตย์อัสดงด้วย ทะเลตรงนั้นเงียบและเป็นส่วนตัวที่สุด มีเพียงแค่โรงแรมเรา ในน้ำจึงไม่มีเรืออื่น มีแค่เรือโดนิไม้แคบแบบชาวบ้านแท้ๆของเรา ลุงชาวประมงที่กลางวันออกเรือจับปลา และเย็นนี้มาเป็นไต้ก๋งให้เราพร้อมผู้ช่วยหนึ่งคน เราไม่ได้อยากล่องไปไหนไกล แค่อยากกินบรรยากาศอาทิตย์ตก ลุงจึงโล้ตัดคลื่นซิกแซกไปมาให้เราจิบแชมเปญและสนทนาไปจนสุริยาดวงกลมโตค่อยๆคล้อยลงลับทิวเขา เหลือไว้แต่แสงสีส้มทั่วฟ้าสั่งลาวันที่จบลง เราค่อยๆจิบพรายฟู่อึกสุดท้ายหมดลงช้าๆเช่นกันขณะที่ผ้ากำมะหยี่สีดำเริ่มคลี่คลุมทับขอบฟ้า ลุงโล้เรือพาเราเข้าสู่ฝั่งผืนทรายหน้าโรงแรม กว่าหนึ่งชั่วโมงในเรือโดนิแบบพื้นบ้านแท้ๆกับชาวบ้านแท้ๆและบทสนทนาลุ่มลึกกับคนรู้ใจแกล้มฟองแชมเปญ ไม่มีฉากพระอาทิตย์ตกที่ไหนจะโรแมนติกไปกว่านี้อีกแล้วในแอฟริกา
Tips: ซานซิบาร์เป็นเกาะที่ขนาดไม่เล็กและไปไม่ง่าย ต้องบินไปจากแทนซาเนียเจ้าของเกาะหรือจากไนโรบีเมืองหลางของเคนยา ไปแล้วควรใช้เวลาสองสามวันพักและเที่ยวชมอยู่ใน Stone town เมืองมรดกโลกยูเนสโก้ แล้วออกไปนอนพักริมทะเลในส่วนอื่นของเกาะอีกสัก 2-3 คืน
อ่านเรื่องเกี่ยวกับ Zanzibar เพิ่มเติมได้ ที่นี่ ค่ะ