ในบรรดาแคว้นต่างๆของฝรั่งเศสนั้น แคว้นที่แลดูจะมีวัฒนธรรมอาหารการกินและบ้านเรือนที่ต่างออกไป คงจะเป็นแคว้น Alsace ทางตะวันออกของประเทศติดกับเยอรมนี สาเหตุที่แตกต่างก็เพราะย่านนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนที่เป็นเยอรมนีในอดีต บ้านเรือนและอาหารการกินจึงคล้ายเยอรมนีมากกว่าฝรั่งเศส มีสเน่ห์น่าสนใจมาก และบังเอิญว่าเป็นย่านที่อยู่ใกล้สวิตเซอร์แลนด์ เราต้องขับรถผ่านบ่อยๆ จึงได้ไปสำรวจเมืองแถวนั้นหลายครั้งอยู่
หมู่บ้านเล็กน่ารักเมืองหนึ่งที่ติดใจมากมายคือ Eguisheim เนื่องจากตั้งอยู่ในเส้นทางชมชิมเที่ยวไร่ไวน์ของแคว้นอัลซาส ซึ่งมีชื่อในการผลิตไวน์ จึงมีนักท่องเที่ยวไปเยือนพอควรแม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีพลเมืองแค่ 1,600 คน ความน่ารักของหมู่บ้านนี้มีแค่ไหน ดูได้จากเครดิตที่ได้รับเลือกเป็นหมู่บ้านที่เป็นที่โปรดปรานชื่นชอบที่สุดของฝรั่งเศส (Village préféré des Français) ประจำปี 2013 และยังเป็นสมาชิกในกลุ่ม Les Plus Beaux Villages de France ซึ่งแปลว่า “หมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส” โดยมีคุณสมบัติตรงตามกำหนดที่ว่า ต้องมีพลเมืองไม่เกิน 2,000 คน ต้องมีลักษณะบรรยากาศของความเป็นชนบทอยู่ และต้องมีโบราณสถานแห่งชาติอย่างน้อย 2 แห่ง
เอกิไชม์มีขนาดเล็กจิ๋วเดินชมได้ในสองสามชั่วโมง และเหมือนกับหมู่บ้านเล็กน่ารักทั้งหลายตรงที่ในหมู่บ้านไม่มีถนนให้รถวิ่ง มีแต่ทางเล็กแคบปูด้วยหินโบราณให้เดินซอกแซกลัดเลาะชมความน่ารักของบ้านเรือน บ้านเรือนที่นี่น่ารักเหมือนในนิทานไม่มีผิด เห็นแล้วนึกถึงแฮนเซลและเกรเทลสองพี่น้องในนิทานพื้นบ้านเยอรมันที่โดนแม่มดจับไปขังแล้วขุนให้อ้วนจะได้กิน จินตนาการภาพบ้านเรือนในนิทานเรื่องนี้ในหัวของฉันตอนเด็กๆเป็นแบบเอกิไชม์นี้เลย เล็กๆเตี้ยๆ สีสันสดใส สร้างด้วยปูนและมีไม้ซุงคาดเป็นลดลายสี่เหลี่ยมสามเหลี่ยมและหน้าจั่ว จอดรถที่ลานจอดรถริมหมู่บ้าน เดินตามทางเข้าไป พอเริ่มเห็นหน้าตาบ้านเรือนเท่านั้นแหละ ร้องกรี๊ดเลย นี่มันบ้านเมืองในนิทานยามเด็กของฉันชัดๆ
แต่ถึงแม้สถาปัตยกรรมความน่ารักของเอกิไชม์จะทำให้สาวๆตื่นเต้นกดกล้องถ่ายรูปแทบไม่ทัน นั่นก็ยังไม่ใช่ความพิเศษสุดๆของหมู่บ้านน่ารักเหลือเชื่อเหนือฟ้าแห่งนี้ สิ่งที่พิเศษนั้นก็คือผังเมืองของหมู่บ้าน แทนที่ถนนจะตัดกันเป็นตารางเป็นเหลี่ยมๆ หรือลดเลี้ยววกวนตามภูมิสภาพจะอำนวย ถนนคนเดินของเอกิไชม์กลับเป็นวงแหวนสองวงซ้อนกัน เวลาเดินชมเมืองก็จะเลือกเดินได้ว่าจะเดินวงนอกหรือวงใน บ้านเรือนแถวที่อยู่ระหว่างวงแหวนทั้งสองจะมีซอยแคบจิ๋วทะลุเชื่อถนนสองวงแหวนเป็นระยะ เดินไปชมบ้านเรือนแสนจะน่ารักไปซ้ายขวา สามารถโผล่ไปมาระหว่างถนนวงแหวนสองวงได้ แต่ฉันชอบวงนอกมากกว่า จุดเริ่มเดินเป็นบ้านน่ารักมีบันไดขึ้นไปชั้นสองอยู่หน้าบ้าน เป็นจุดที่ใครๆก็อดใจไม่ให้ถ่ายรูปไมได้ ถ่ายรูปแล้วก็เดินตามเข็มนาฬิกาไปตามวงนอกทางด้านซ้าย บ้านเรือนแต่ละหลังน่ารักมากๆสุดจะบรรยาย เล็กจิ๋วและต่างสีสัน มีซุงไม้พาดเป็นลายประดับแบบเยอรมัน
ตึกที่ฉันชอบเป็นพิเศษส่วนตัวคือตึกหมู่ที่เป็นร้านอาหาร Freudenreich Joseph et Fils สีเหลืองมัสตาร์ดจัดจ้าน ตึกด้านหน้าซ้ายมือหน้าแคบมากๆทำให้ต้องบีบจั่วหลังคาแหลมเฟี้ยวสูงขึ้นไป แปลกตาจริงๆ หน้าต่างสีฟ้าตัดกับสีกำแพง สวยจนต้องบอกว่าคงไม่สามารถบรรยายได้เท่าภาพจริง ดูรูปเลยละกัน
นอกจากตัวบ้านจะน่ารักแล้ว ชาวบ้านที่นี่ยังชอบตกแต่งประดับบ้านเรือนด้านนอกอย่างมาก หน้าร้อนจะเต็มไปด้วยดอกไม้สะพรั่งทุกขอบประตูหน้าต่าง ฉันเคยไปช่วงคริสต์มาส บ้านแต่ละหลังก็ประโคมแต่งด้วยไฟ ลูกสน รูปปั้นซานตาคลอส กวางเรนเดียร์ ฯลฯ เหมือนกับอย่างจะส่งเข้าประกวด ยิ่งทำให้ต้องหยุดถ่ายรูปแทบจะทุกหน้าบ้านไป
เดินมาได้เกือบครึ่งวงกลมก็จะมีถนนตัดผ่านวงแหวนทั้งสองทะลุนำเข้าไปสู่ใจกลางหมู่บ้านที่มีร้านค้าร้านอาหารและบ่อน้ำพุหน้าลานที่ใช้จัดงานต่างๆ ตรงนี้จะเห็นโบสถ์ประจำเมือง ที่เตะตาไม่ใช่ตัวโบสถ์ แต่เป็นรังนกกระสาขนาดใหญ่เบ้อเริ่มที่ตั้งอยู่บนสันหลังคาจั่วแหลมเฟี้ยว สันหลังคาสองหลังมีรังนกอย่างละหนึ่ง มองดูแล้วไม่น่าจะตั้งมั่นอยู่ได้ แต่ไปมาสองครั้งแล้วมันก็ตั้งอย่างสง่างามมั่นคงอยู่อย่างนั้น เห็นครอบครัวกระสาเจ้าของรังนั่งอยู่ในรังบ้าง เกาะอยู่บนหลังคาบ้าง น่าแปลกจริงๆ มันจะอยู่มานานขนาดไหนแล้วไม่รู้ แต่คงจะนานมากพอควรเพราะนกกระสากลายมาเป็นหนึ่งในสัญญลักษณ์ของหมู่บ้านไปแล้ว ร้านของที่ระลึกมีตุ๊กตุ่นตุ๊กตานกกระสาขายกันเต็มไปหมด และสวนสาธารณะของหมู่บ้านก็มีชื่อว่า สวนนกกระสา “Parc des Cigognes”
เวลาที่ใช้เดินให้ครบวงกลมและสำรวจใจกลางหมู่บ้านไม่มากเลย แต่ความน่ารักของที่นี่ทำให้ใครสามารถเดินซ้ำชื่นชมรอบสองได้ง่ายๆ แนะนำให้เดินให้ครบรอบ เข้ามาใจกลางวงกลม สำรวจร้านอาหารแล้วเลือกนั่งๆดื่มด่ำบรรยากาศให้อิ่มท้องอิ่มใจ ร้านที่ฉันชอบคือ Caveau Heuhaus บรรยากาศโบราณๆ ชั้นที่นั่งอยู่ต่ำลงไปใต้ดิน ผนังหลังคาปูด้วยหินโบราณ เหมือนนั่งกินในถ้ำสมชื่อ อาหารเป็นแบบพื้นเมืองของแคว้นอัลซาส แน่นอนต้องมี Flammkuchen ของอร่อยกินได้ทุกเมื่อที่คล้ายพิซซ่าแต่ว่าแผ่นแป้งบางเฉียบเหมือนกระดาษ โรยหน้าด้วยหัวหอม แฮมและชีสขาวหรือครีมสด อันนี้เมนูโปรดเหนือฟ้าจริงๆ และมีกระหล่ำซอยดองหรือซาวร์เคร้าท์กินกับไส้กรอกและหมูสามชั้นแบบเยอรมัน ขาหมูเยอรมันก็มี ที่สำคัญต้องสั่งไวน์ของเอกิไชม์มาแกล้ม เพราะหมู่บ้านนี้คือต้นกำเนิดของไวน์แคว้นอัลซาสอันขึ้นชื่อ และยังมีไร่องุ่นทำไวน์อยู่รอบๆ มาถึงที่แล้วจะไม่สั่งได้อย่างไร
ถ้ายังมีเวลาและชอบไวน์แนะนำให้ไปชมไร่องุ่นและโรงทำไวน์ จะซื้อทัวร์ไปก็ได้ ติดต่อศูนย์ท่องเที่ยวได้เลย หรือจะไปชมเองและชิมไวน์ให้เพลินไปเลยก็ได้ ถ้าชิมมากเกินอย่าเผลอกลับมาเดินในถนนวงแหวนคนเดียวล่ะ อาจวนอยู่หลายรอบแล้วหาทางออกจากวงแหวนไม่ได้ไม่รู้ด้วยนะคะ