3 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ครั้งที่สอง 5 ปีที่แล้วและสุดท้ายก็คือเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ครั้งแรกก็ไปชมจุดสำคัญที่ต้องเช็กอินทุกอย่างเหมือนกับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครั้งแรกทั้งหลาย อยู่ประมาณสามวันเดินชมจนครบสถานที่ต้องชมในไกด์บุค เช่นไปเกาะมูราโน่ และนั่งเรือพายกอนโดล่า แต่ที่ประทับใจกว่าคือสองครั้งหลังที่ได้กลับไปอีก
เพราะทั้งสองครั้งหลังนี้ได้เข้าชม Biennale งานแสดงศิลปะที่โด่งดังระดับโลกของเวนิซ จัดทุกๆสองปีและมีต่อเนื่องยาวหลายเดือน แทบทุกประเทศในโลกต้องส่งผลงานศิลปินมาจัดแสดงกันอย่างอลังการไม่ให้น้อยหน้ากัน ไม่ต่างกับงานเวิลด์เอ็กซ์โป หนึ่งประเทศก็อยู่ในตึกหนึ่ง และกระจายกันไปทั่วทั้งเมือง ทำให้การจะไปชมศิลปะของศิลปินแต่ละคนจะเท่ากับเป็นการเดินชมเมืองเวนิซจนทั่วไปในตัว งานนี้จึงเป็นจุดขายเด่นอันหนึ่งของเวนิซซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมไปกันมาก ส่วนคนไทยกลับไม่ค่อยพูดถึงกันเลย แต่อยากบอกว่าไม่อยากให้พลาดชมงานนี้จริงๆ หากใครได้ไปเวนิซในช่วง Biennale ก็ควรวางแผนเส้นทางการเดินชมเมืองให้ครอบคลุมห้องที่จัดแสดงงานศิลปะต่างๆไว้ด้วย ถือเป็นกำไรสุดคุ้มนอกเหนือไปจากการชมเมืองที่โรแมนติกนี้
ครั้งไปเมืองเวนิซครั้งที่สองได้ชมงานศิลปะของหลายหลายประเทศอย่างจุใจ เพราะไปสามวันเพื่อดูงานศิลป์อย่างเดียวเลย ไม่ได้เจาะจงสถานที่เช็คอินของนักท่องเที่ยวแล้ว ได้ชมผลงานของศิลปินดังที่เราชอบหลายคนเช่น Al Wei Wei จากจีน ที่ฉันชอบที่สุดนั้นคืองานโชว์ของประเทศอาเซอร์ไบจาน เป็นการรวมผลงานของศิลปินหลายคนของประเทศ จึงมีชิ้นงานในรูปแบบต่างๆกันไปหลายประเภทเช่น สื่อผสม ศิลปะภาพเคลื่อนไหว ศิลปะการจัดวาง Installation art และที่สำคัญคือศิลปะแสงเงาที่ศิลปินจัดวางวัสดุขึ้นมาเป็นรูปร่างที่ดูไม่รู้เรื่องไม่มีความงามเลย แต่พอฉายแสงไฟเข้าไปภาพที่ตกกระทบบนกำแพงด้านหลังนั้น ก็เกิดเป็นเงารูปภาพที่สวยงามมากน่าอัศจรรย์
ครั้งที่สามเราได้ชมผลงานของ Wei Wei อีก และได้ชม Jan Fabre ที่ดังมากๆจากเบลเยียม แนวคิดเขาคือเป็นการโชว์รูปปั้นที่ทำจากแก้วและกระดูก (คน) จริงๆ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการที่ใหญ่และมีคนเข้าชมมากๆ มีงานบางชิ้นของ Botero จากโคลอมเบียแต่ไม่ถูกใจเราเท่าชิ้นที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของเขาที่เมืองโบโกต้า
นอกจากนี้เรายังได้ค้นพบศิลปินใหม่ๆซึ่งแนวคิดสุดเหวี่ยงอีกหลายคน และได้เข้าชมงานโชว์ของประเทศบางประเทศเช่นอิรัก
แต่ที่ชนะเลิศในใจฉันคืออาเซอร์ไบจานเหมือนปีก่อนเช่นเคย คราวนี้เขาทำเป็นสื่อผสมวีดีโอและ installation art เป็นหลัก ไม่รู้เป็นเพราะส่วนตัวฉันชอบศิลปะสมัยใหม่ประเภทนี้มากที่สุดหรือเปล่าจึงทำให้ชอบงานของประเทศนี้เป็นพิเศษ
แต่ที่เห็นโฆษณารอบเมืองและคนเข้าดูมากก็คือ Damien Hirst งานเขาอลังการมากและจัดโชว์ถึงสองที่แต่ปรากฏว่าฉันไม่ชอบเลยรู้สึกว่าพยายามมากไปนิดหนึ่งและมันสับสนไปหน่อยเอาทั้งประวัติศาสตร์และแนวคิดร่วมสมัยมาปนกัน แต่ได้เข้าไปชมตัววัง Palazzo Grassi ที่จัดแสดงข้างในก็นับว่าคุ้มแล้ว เป็นการเที่ยวเวนิซที่สนุกมาก คิดว่าอีกสองปีข้างหน้าต้องกลับมางาน Biennale อีกแน่นอน
ถึงแม้การไปเวนิซครั้งสุดท้ายจะเป็นการเจาะจงไปเพื่อชมงานศิลปะ แต่เราก็มีจุดหมายหนึ่งอย่างที่เกี่ยวกับประสบการณ์การท่องเที่ยว นั่นคือการนั่งเรือกอนโดล่า ฉันเคยนั่งกอนโดลาเมื่อ 20 ปีที่แล้วตอนมาครั้งแรก หลังจากนั้นก็ไม่รู้สึกว่าจะต้องนั่งอีก เพราะคิดว่าคงเหมือนเดิม และรู้สึกมันจะดูเป็นทัวร์ดักนักท่องเที่ยวไปนิดหนึ่ง
แต่ก่อนมาไม่นานบังเอิญคุณสามีได้ฟัง podcast เรื่องเกี่ยวกับคนแจวเรือกอนโดลาคนแรกที่เป็นผู้หญิง เรื่องมีอยู่ว่า Alex สาวชาวเยอรมันมีความฝันอยากเป็นคนแจวเรือกอนโดลามาก เธอเข้าโรงเรียนเรียนจนสอบผ่านหลักสูตรและมีกอนโดลาของตัวเองสมดังฝัน เป็นผู้หญิงคนแรกในอาชีพนี้ พอพวกคนที่เรียกร้องความเสมอภาคของสตรีรู้เข้าก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ อยากจะเอาเธอออกสื่อ เป็นตัวอย่างหญิงเก่งที่ฟันฝ่าจนเท่าเทียมชาย เป็นชัยชนะของผู้หญิง แต่คนพวกนั้นก็อกหัก เพราะอเล็กซ์ไม่เอาด้วย เธอไม่ต้องการเป็นนางเอกหรือเล่นบทนำของหญิงแกร่ง สื่อจึงไปสัมภาษณ์เธอว่าเหตุไรจึงไม่อยากเป็นนางเอก ทั้งที่เป็นหญิงคนแรกที่ได้เป็นคนแจวเรือกอนโดลา คำตอบของเธอทำให้เงิบกันหมดทั้งนักเรียกร้องสิทธิสตรีและสื่อ เพราะเธอตอบว่า เธอไม่ได้อยากเป็นสัญลักษณ์ของหญิงเก่ง อย่าเอาเธอไปเกี่ยวกับความเป็นหญิง เพราะอันที่จริงแล้ว ผมอยากเป็นผู้ชายฮะ!!!!
สรุป อเล็กซ์เป็นทอมตัวพ่อนั่นเอง!!!
ด้วยประการฉะนี้ คุณสามีจึงตั้งมั่นว่าจะขอมานั่งกอนโดลาที่อเล็กซ์พาย ขอรู้จักตัวจริง ฉันเลยได้มานั่งกอนโดลาไปด้วยอีกครั้ง ถามว่าอเล็กซ์พายดีไหม ดี นำทัวร์ดีไหม ดี แต่เธอมีความอินกับการเป็น 1 ใน 500 ฝีพายกอนโดลาไหม ไม่ เธอเอนเทอร์เทนไหม ไม่ แต่ถามว่าชอบทัวร์กอนโดลาของเธอไหมโดยรวม ก็ชอบค่ะ เธอพาไปได้เห็นคลองที่ไม่เคยเห็น เป็นย่านที่ไม่มีนักท่องเที่ยว ได้เห็นและฟังเรื่องของอาคารสะพานที่ไม่เคยรู้มาก่อน แต่อย่าหวังว่าเธอจะฮิฮะจ๊ะจ๋าเซลฟี่ด้วย ถ้าโอเคกับแนวนี้และสนใจก็จองและนัดกับอเล็กซ์ได้ผ่านทางเว็บไซต์ของเธอล่วงหน้า สามารถกำหนดเวลาแน่นอนไปเลย ไม่ต้องเข้าคิวรอตามท่าขึ้นเรือกอนโดล่าทั่วไป
สรุปคือ หากใครมีโอกาสมาเวนิซครั้งแรกจะไปเก็บสถานที่ต้องเช็กอินทุกที่ตามโจทย์ก็ไม่ผิด เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่ขอแนะนำว่า ให้เดินซอกซอนไปตามตรอกเล็กน้อยที่นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่านด้วย จะเห็นเสน่ห์เวนิซของจริงที่ต่างไปจากที่นักท่องเที่ยวจีนเห็น แต่หากใครได้มาครั้งที่สองหรือได้มาในช่วงมี Biennale ละก็บอกเลยว่าห้ามพลาดเป็นที่สุด ได้ชมงานศิลปะซักหนึ่งหรือสองอย่างก็ยังดี จะได้ชื่อว่าเห็นของดีที่เวนิซอย่างแท้จริงแบบที่คนยุโรปเขาไปกัน
ตื่นเต้นกับงาน Biennale ไว้ถ้ามีโอกาสไปเวนิซ จะพยายามเล็งให้ตรงช่วงนั้นนะคะ แต่คงไม่พยายามจอง Alex เพราะมี Alex ส่วนตัวอยู่แล้ว 555 By the way, กรุงเทพกำลังจะมีงาน Biennale เหมือนกันน้า ช่วงปลายปีนี้ (คิดว่าเดือนตุลา) คุณเหนือฟ้าควรมาเก็บภาพไปเขียนถึงน้า…
ตุลาคมกลับ กทม พอดี ไม่พลาดแน่นอนค่าาาา
Love the Biennale. Will make sure next time I have a chance to visit Venice, I coordinate the schedule. You mentioned it will be in 2 years right? Won’t be booking Alex though (have my own Alex already hahaha). Bangkok is hosting a Biennale this year (around October, I believe). You should come visit and capture the story in your Journal. Looking forward to the next story!
Comments are closed.