มาต่อกันกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยซอกแซกสอดส่องลิสบอนและปอร์โต

Sintra

ใกล้ๆลิสบอนมีอีกเมืองที่ไม่ควรพลาด Sintra เป็นเมืองตากอากาศบนภูเขาของกษัตริย์โปรตุเกสสมัยก่อน อยู่ห่างจากลิสบอนเพียงแค่ 25 กิโลเมตร และปัจจุบันเป็น UNESCO World Heritage มีวังอลังการน่าชม มีเมืองเก่าขนาดกะทัดรัดน่ารักน่าเดินเล่น และเลยนอกเมืองออกไปมีป่าและธรรมชาติ และยังมีจุดที่นับเป็นปลายสุดตะวันตกของทวีปยุโรปอีกด้วย

เรานั่งรถไฟออกจากสถานี Rossio ในลิสบอนตอน 11 โมงเช้า ครึ่งชั่วโมงนิดๆก็ถึงซินตร้าแล้ว แค่โผล่จากรถไฟออกมาเห็นสถานีก็น่ารัก แล้วนักท่องเที่ยวเต็มรถไฟกรูกันออกมา พอแตะตั๋วออกมาได้ก็แย่งกันถ่ายรูปกระเบื้องงามๆในสถานีอีก มีเกร็ดคือถ้าจะทำเวลาอย่าเดินออกทางประตูด้านสถานี ให้ออกทางหัวรถจักรที่จอดอยู่ที่ปลายสิ้นสุดของราง ทางนั้นมีประตูให้แตะตั๋วออกได้เหมือนกัน และยังใกล้ทางที่จะเดินเข้าเมืองกว่าด้วย รับรองว่าออกทางนี้ได้ล้ำหน้านักท่องเที่ยวทั้งรถไฟแน่ แต่ต้องอดใจกลับมาถ่ายรูปสถานีสวยๆขากลับแทน

ออกมาแล้วก็เห็น Camara Municipal หรือ Town Hall อยู่ตรงวงเวียน นักท่องเที่ยวจะแย่งกันถ่ายรูปอีกเหมือนกัน จะเข้าเมืองต้องเดินเข้าไปไกลพอควร แต่สำหรับเรานี้จิ๊บๆ เราเข้าไปชม Sintra National Palace ก่อนเป็นสถาปัตยกรรมแบบแขกมัวร์มียอดโดมกรวยสีขาวสูง 2 อันดูเด่นแปลกตาจนแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของซินตร้า พอเข้าไปชมถึงรู้ว่านั่นคือส่วนครัว

ใช้เวลาชมกว่าชั่วโมงก็ออกมาเดินเล่นในหมู่บ้าน ถนนคดเคี้ยววนขึ้นๆลงๆ มีร้านอาหารร้านขายของชวนเดินชมเต็มไปหมด แต่หมู่บ้านนี้ไม่ใหญ่ใช้เวลาไม่นานก็ทั่ว เรานั่งพักทานอาหารกลางวันง่ายๆแล้วก็ไปขึ้นรถเมล์เพื่อขึ้นไปชมวังอันโด่งดังอีกแห่ง Pena National Palace นั่นเอง ตั๋วรถเมล์ก็ซื้อจากเจ้าหน้าที่ที่ยืนตรงป้ายรถเมล์ได้เลยทั้งไปกลับ ระหว่างทางสามารถแวะลงชม Castelo dos Mouros ป้อมปราการเพื่อชมวิวได้อีก แล้วมารอขึ้นรถเมล์คันต่อไปจนถึงวัง Pena

เกร็ดที่จะกระซิบอีกอย่างคือพอคนกรูลงมาจากรถเมล์ก็จะไปต่อแถวกันยาวเพื่อซื้อตั๋วเข้าวังตรงป้อมขายตั๋ว แต่ตรงขวามือของประตูทางเข้านั้นมีเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ 3 เครื่องที่แทบไม่มีคิวเลยเพราะคนไม่รู้ ใช้เครดิตการ์ดจ่ายสบายมาก ประหยัดเวลาไปร่วม20 นาที

วังนี้สวยมากไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ชมวังเสร็จกลับเข้ามาในเมือง เรามีเวลาก่อนถึงเวลานัดทานข้าวกับเพื่อนจึงเดินซอกแซกไปตามถนนในหมู่บ้านเลยจากใจกลางแหล่งท่องเที่ยวไป แอบชมถนนหนทางและบ้านของคนเมืองจริงที่เขาอยู่กันเงียบสงบดี มีบ้านโบราณหลายหลังที่ทรุดโทรมยังเห็นร่องรอยความงามในอดีตอยู่ น่าเสียดายแต่หลายหลังก็เอามาทำเกสต์เฮาส์แลดูน่ารักเชียว ใครชอบซอกแซกแนะนำให้ลองเดินหลุดนอกแผนที่ดู และบอกเลยว่ามา Lisbon ต้องไม่พลาด Sintra

Porto

มันมีเหล้าหวานหลังอาหารอยู่อย่างหนึ่งที่ฉันชอบมากๆ ต้องมีติดบ้านตลอดเอาไว้กรึ๊บกรั๊บหลังมื้อเย็นบ้าง คือปกติไม่ทานไวน์แต่อันนี้ถึงไหนถึงกัน Port wine นั่นเอง ดังนั้นมาถึงโปรตุเกสทั้งทีจะพลาดไม่มา Porto เมืองแห่ง Port ได้อย่างไร

Porto เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของโปรตุเกส อยู่ทางเหนือไม่ไกลจากสเปน ที่ตั้งดีมากอยู่ตรงปากแม่น้ำ Douro ที่เปิดออกสู่ทะเลหรือมหาสมุทรแอตแลนติกเลย เมืองตั้งอยู่บนเนินสูง ตึกปูกระเบื้องสีสวยล้อมระเบียงเหล็กดูโรแมนติกทั้งหลายในเมืองจึงไล่ระดับกันสูงๆต่ำๆไปตามเนินที่สูงชัน ทำให้สวยไม่เหมือนใคร เมืองมีขนาดเล็ก อยู่ส่วนไหนก็เดินไปเที่ยวได้ทั่ว แต่ถึงจะเล็กแทบจะทุกหัวถนนก็มีสถานที่ที่น่าเข้าไปชม แต่ละวันจึงเข้าออกชมโบสถ์ชมอาคารจนมากมายแทบจะจำไม่ได้ว่าไปไหนมาบ้าง รูปที่ถ่ายก็เยอะจนเลือกไม่ถูกมึนไปหมดเลย

ที่น่าแปลกใจคือ สถานที่หลายแห่งไม่ได้ระบุในไกด์บุ๊คหรือมีชื่อเสียงว่าเป็นที่ที่จะต้องไป แต่พอเข้าไปจริงๆแล้วมันช่างสวยงามตระการตระการใจ และมีเรื่องราวที่สนุกมาก ยกตัวอย่างเช่นโบสถ์และพิพิธภัณฑ์ São Francisco โบสถ์เป็นสีทองอร่ามสวยงามมากห้องหับที่จัดแสดงนี้ก็น่าสนใจไปหมดคุ้มค่าเข้ามากๆ และที่ฉันชอบมากคือ Catacomb หรือที่ฟังศพโบราณอยู่ใต้ดิน จัดเป็นระเบียบติดเรียงเลขเต็มไปหมดทั้งบนกำแพงและพื้นที่เดิน เขาบอกว่าที่โปรตุเกสนั้นสมัยก่อนจะฝังศพอยู่ใต้ถุนหรือในบริเวณโบสถ์ ภายหลังต่อมาจึงมีการทำสุสานเป็นเรื่องเป็นราวโดยเฉพาะ

และฉันยังขอแนะนำให้เดินข้ามสะพาน Dom Luís I ซึ่งเป็นสะพานเหล็กที่มีถนนสองชั้นให้รถแล่นข้าม เป็นสะพานที่ออกแบบได้มีเอกลักษณ์มาก เชื่อมระหว่างฝั่ง Porto กับ Vila Nova de Gaia ตกเย็นเดินข้ามไปแล้วเดินเลียบถนนริมแม่น้ำ ฝั่งนั้นเป็นที่ตั้งของบรรดาโรงงานและร้าน Port wine แบรนด์ดังทั้งหลายของโปรตุเกส แวะเข้าเยี่ยมชมชิมเลือกซื้อ Port ติดไม้ติดมือแล้วเลือกหาที่ถูกใจนั่งดื่ม Port หรือค็อกเทลที่ทำจาก Port ยามพระอาทิตย์ตก จะได้อารมณ์ที่แตกต่างไปจากริมน้ำทางฝั่ง Porto อีกแบบ

ส่วนสถานที่หลักที่ใครมาก็ต้องไปนั้นฉันก็ไปมาเหมือนกัน กลัวตกเทรนด์ มีเกร็ดมาบอกอีก เช่นมหาวิหารประจำเมืองหรือ Sé นั้นสวยมาก แต่ที่สวยกว่าคือศาลารายและหลังคาด้านบนซึ่งต้องจ่ายเงิน 3 ยูโรเข้าไปชม อย่าเสียดายเด็ดขาดอย่าคิดว่าเดินดูมหาวิหารสวยงามพอแล้ว ส่วนต้องจ่ายเงินก็จะไม่เข้า ถ้าไม่เข้าตรงนี้จะเสียใจมาก และสิ่งที่ได้เห็นนั้นคุ้มเกิน 3 ยูโรจริงๆ กระเบื้องสีฟ้า Azulejo ที่นี่นั้นสวยงามและเยอะมาก ตรงศาลารายข้างล่างมีหลายชิ้นทั้งสี่ด้าน ส่วนพอขึ้นบันไดไปบนดาดฟ้านั้นยิ่งเป็นสองกำแพงยาวใหญ่อลังการมาก ฉันใส่กางเกงตัวโปรดลายฟ้าขาวเหมือนกระเบื้องไปถ่ายรูปด้วย กะว่าให้ออกมาขำๆ มีแต่คนแซวว่าสีกระเบื้องตกใส่กางเกง หรือไม่ก็บอกว่าไปซื้อจากร้านขายของที่ระลึกมาใส่

ใครเป็นแฟนแฮร์รี่พอตเตอร์ก็ต้องไปร้านหนังสือ Livraria Lello & Irmão เพราะว่ากันว่าร้านหนังสือซึ่งสวยมากร้านนี้ โดยเฉพาะบันไดกลางร้านอันขึ้นชื่อนั้น คือต้นแบบแห่งแรงบันดาลใจของ JK Rowling ผู้ซึ่งเคยมาร้านหนังสือนี้บ่อยๆในช่วงที่เคยมาสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่ Porto นี้ อันที่จริงถึงจะไม่มี JK Rowling ร้านหนังสือร้านนี้ก็มีเครดิตสมควรที่จะต้องมาเยี่ยมชมอยู่แล้ว เพราะเป็นหนึ่งในร้านหนังสือที่เก่าแก่ที่สุดในโปรตุเกส และยังได้ยกย่องให้เป็นร้านหนังสือที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วย แต่พอร้านนี้ดังจนกลายเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมา เขาจึงเปิดขายตั๋วราคา 5 ยูโรให้คนเข้าไปเดินชมถ่ายรูปได้เสียเลย แต่ถ้าใครซื้อหนังสือก็จะได้ลดราคาค่าตั๋วออกไป ถึงกระนั้นคิวที่ต่อกันหน้าร้านเพื่อให้ได้เข้าไปชมบันไดอันลือชื่อก็ยาวเหยียด จะกระซิบให้ว่าเวลาที่ไปแล้วไม่ต้องต่อแถวคือประมาณ 6 โมงเย็นไปแล้ว ร้านปิดหนึ่งทุ่มครึ่ง หรือหากจะไปช่วงประมาณบ่ายโมงครึ่งถึงบ่าย 2 โมงที่คนพักทานข้าวกลางวันกันคนก็จะน้อยหน่อยเช่นกันเ ราไปถึง 6 โมงเย็นไม่มีคิวเลย อย่าลืมว่าจะต้องเดินไปซื้อตั๋วที่ร้านขายของใกล้ๆกันและฝากเป้กับกระเป๋าเอาไว้ในล็อกเกอร์ก่อน

อีกสถานที่หนึ่งซึ่งคนนิยมแวะไปชมการตกแต่งที่สวยงามและกระเบื้องสีฟ้าคือ สถานีรถไฟ São Bento เรานั่งรถไฟจากลิสบอนเข้ามาที่สถานีนี้พอดีช่วงตอนเย็นที่มาถึง คนเยอะมาก คนที่มาขึ้นรถไฟก็เยอะอยู่แล้วแถมยังมีนักท่องเที่ยวที่มายืนถ่ายรูปกันเต็มไปหมด หาช่องถ่ายรูปที่ไม่ค่อยมีคนลำบากมาก บังเอิญว่าโรงแรมเราอยู่ติดสถานีรถไฟเลย ตอนกลางคืนทานข้าวเสร็จจึงเดินโผล่เข้าไปดูอีกที ทีนี้ไม่มีคนเลยถ่ายรูปได้สบาย

สุดท้ายที่อยากจะแนะนำคือให้เดินซอกแซกไปให้เยอะๆ ตรอกเล็กซอยน้อยที่ผ่านไปเลี้ยวเข้าไปควรเดินดูให้หมดทุกเส้น จะมีตึกน่ารักน่าเอ็นดูซ่อนอยู่ ถึงแม้จะเก่าและมอมเป็นส่วนมาก แต่สีสุดสวยของกระเบื้องก็ยังมีให้เห็น แล้วการตากผ้าบนหน้าต่างชั้นบนของคนโปรตุเกสนี่ก็เป็นเสน่ห์จริงๆ ตึกเหล่านี้ส่วนมากเป็นบ้านคนที่ยังอาศัยอยู่จริง แต่ก็มีเยอะพอสมควรที่เปิดเป็นร้านอาหารหรือคาเฟ่เล็กๆน่ารักซ่อนซุกตัวอยู่ ตรอกซอกซอยที่ฉันชอบว่าน่ารักมากคือย่านที่เดินลงเนินมาจากมหาวิหารประจำเมืองมุ่งตรงสู่ถนนหลัก แต่ต้องบอกก่อนว่าเมืองนี้เดินไม่ง่ายเลยเพราะอยู่บนเขาที่ชันทีเดียว ซอกซอยที่ว่านั้นต้องเดินขึ้นเดินลงในมุมชันค่อนข้างมาก เรียกว่าถ้าใครเดินไม่เก่งมีสิทธิ์เหนื่อยหอบและล้าขาแน่ๆ ดังนั้นอาจจะไม่เหมาะพาผู้ใหญ่หรือเด็กเล็กมาเท่าไร และแนะนำว่าต้องเตรียมรองเท้าที่เดินสบายๆและเกาะพื้นดีๆมาด้วย

ฉันชอบ Porto มากตั้งใจแล้วว่าจะต้องกลับมาอีกแน่นอน ส่วนแคว้นและเมืองอื่นๆของโปรตุเกสนั้น ก็คงต้องกลับมาตามเก็บอีกเช่นกัน เพราะเท่าที่มาเห็น ก็หลงหลักโปรตุเกสไปแล้วหมดใจ

 

NO COMMENTS