ไปเที่ยวโปรตุเกสมาแค่ 5 วัน ถึงแม้จะไม่ได้ชิมอาหารพื้นเมืองครบถ้วนมากมายเหมือนกับทริปอื่นแต่กินเหนือฟ้าก็ต้องมีเรื่องมาเล่ายั่วน้ำลายแน่นอน ทั้งร้านอาหารในโพยที่หมายใจไว้ว่าจะไปชิม และอาหารโปรตุเกสหลายจานที่ได้ชิมและอร่อยถูกใจจนต้องมาเล่าให้ฟัง
เอาตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงเราประเดิมความเป็นนักท่องเที่ยวมือใหม่ในโปรตุเกสโดยไปทานอาหารพร้อมฟังดนตรีพื้นเมืองที่ Fado restaurant ที่เล่าไว้ในโพสต์เรื่องเกร็ดเที่ยวลิสบอนและปอร์โต ที่นั่นได้ชิมอาหารพื้นเมืองของลิสบอนสองจานคือ Bacalhau à brás กับ Carne de Porco Alentejana อันแรกเป็นปลา Cod ผัดกับมันฝรั่งสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่หัวหอมและมีตอกไข่ตีปนลงไปด้วย ทานแล้วเหมือนข้าวผัดปลาไม่มีผิด (เสิร์ฟแบบอัดพิมพ์ถ้วยกลมมาตรงกลางและมีผักกาดมะเขือเทศแต่งรอบจานมาด้วย) พูดถึงปลาคอดหรือ Bacalhau นี่เป็นอาหารประจำชาติของโปรตุเกสเลย ชนิดที่ว่ากันว่า อาจจะมีอาหารที่ทำจากปลาคอดนี้เกินกว่า 1000 เมนูเลยก็ว่าได้ แต่ไม่ว่าจะเอามาทำอะไรเขามักจะเอาเนื้อปลาที่ตากแห้งและหมักเกลือแล้วมาทำ ไม่ได้ใช้ปลาสดๆ เนื้อปลามันจึงเป็นเส้นเส้นยุ่ยๆคล้ายกับเวลาเคี้ยวเนื้อปลาหวานบ้านเรา บางคนก็ไม่ชอบว่ามันมีเนื้อสัมผัสแปลกและกลิ่นแรง แต่ฉันชอบทานมากมาตั้งแต่สมัยอยู่บราซิลแล้ว ส่วนอีกจานที่ได้ชิมคือ Carne de Porco Alentejana อันนี้จริงๆเป็นจานจากแคว้น Alentejo เป็นเนื้อหมูหั่นเป็นลูกเต๋าเอาไปผัดกับไวน์ขาวปาปริก้ากระเทียมเกลือพริกไทย เสร็จแล้วเอาหอยลายลงไปผัดด้วยทำให้รสชาติออกมาเหมือนหมูตุ๋นเค็มๆแต่มีรสชาติทะเลอร่อยแปลกดีอีกเหมือนกัน
อีกวันหนึ่งไปทานข้าวกับเพื่อนซึ่งอยู่ที่เมือง Sintra เพื่อนพาไปทานอาหารพื้นเมืองแท้ๆ ร้านแลง่ายๆเก่าแก่แต่คึกคัก ดูเป็นที่นิยมมากและอาหารอร่อยถูกใจทุกจานเลย จานแรกเหมือนข้าวต้มกุ้งที่สุด แต่เขาจะใส่อาหารทะเลรวมมาเรียกว่า Arroz de Marisco แปลตรงตัวก็คือข้าวทะเลรวมมิตรแหละ อีกจานก็มาแนวเดียวกันแต่จะแปลกไปนิด Açorda de Marisco จริงๆเขาใส่อาหารทะเลรวมแต่เราขอแต่กุ้งอย่างเดียว เขาเอาขนมปังไปแช่ในน้ำซุปจนเปื่อยยุ่ยละลายเหมือนแป้งข้นๆ แล้วมีกุ้งลงไปต้มด้วย ดังนั้นมันก็จะออกมาคล้ายข้าวต้มแต่แทนที่จะเป็นข้าวก็จะเป็นแป้งขนมปังเล็กๆแทน จะว่าไปอาจจะใกล้เคียงโจ๊กทะเลมากกว่า ทั้งสองจานทานแล้วหยุดไม่ได้เพราะทั้งรสชาติคุ้นเคยและทั้งเป็น comfort food แต่ว่ามันไม่ค่อยดีตรงที่แป้งเยอะมาก ทานแล้วหยุดไม่ได้ก็ยิ่งน้ำหนักหยุดไม่ได้ตามไปด้วย
นอกจากปลาคอดแล้วอาหารที่ทานกันทั่วไปก็จะเป็นอาหารทะเล ปลาต่างๆย่างนี้มีอยู่ทั่วไปรสชาติก็เหมือนปลาย่างธรรมดาไม่แปลกอะไรแต่สดและคุณภาพดี ที่ฉันเคยทานอยู่ก่อนหลายครั้งแล้วก็ชอบจนต้องสั่งซ้ำก็คือ Amêijoas à Bulhão Pato หอยลายผัดกระเทียมไวน์ขาวนั่นเอง ใช้ขนมปังจิ้มน้ำมันกับไวน์ขาวที่ขลุกขลิกมาในจานทานอร่อยมากและ Bolinhos de Bacalhau เป็นปลาคอดเอามาบดแล้วปั้นเป็นก้อนทอด จะเรียกว่าทอดมันโปรตุเกสก็อาจจะพอกล้อมแกล้มได้ เพราะใช้ทานเล่นเหมือนกันแต่รสชาตินี่ไม่ใกล้เคียงกันนะ อันนี้ตอนอยู่บราซิลสั่งมาทานเล่นบ่อย มีของทานเล่นอีกอย่างซึ่งเพิ่งเคยทานคือ Rissóis de Camarão หรือ shrimp croquettes อันนี้ปล่อยไก่นิดหน่อยตอนสั่งมา เนื่องจากว่าฉันชอบทาน shrimp croquettes ของเบลเยียม พอสั่งอันนี้มาเขาเอามาให้เย็นๆเราก็ว่าของทอดจะเย็นได้ยังไง เขาต้องทำมาไม่ดีแน่ๆ จึงเรียกบ๋อยมาบอกให้เอาไปอุ่น ปรากฏบ๋อยบอกว่าเอิ่มของโปรตุเกสเรากินแบบเย็นครับ หน้าแตกเลย แต่ฉันว่ามันอร่อยสู้แบบร้อนๆของเบลเยียมไม่ได้
อาหารแกล้มเหล้าหรือทานเล่นก่อนอาหารหลักที่นี่คล้ายทาปาสของสเปนก็มีเยอะ มะกอกที่นี่อร่อยมาก ชีสต่างๆก็อร่อย ไส้กรอกเค็มๆแห้งแบบ chorizo และมีปลา Sardinhas หรือปลาซาร์ดีน เขาจะเสิร์ฟมาแบบเปิดจากกระป๋องแล้วเทมากับขนมปังหรือมะกอก หน้าตาเหมือนปลากระป๋องในซอสสีแดงอย่าดูถูกไปเชียว ปลากระป๋องของประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนเช่นอิตาลีโปรตุเกสฝรั่งเศสนี่เขาถือเป็นของอร่อยของดีอย่างหนึ่งเลย หลายยี่ห้อเก่าแก่ขายมาเป็น 100 ปี ถ้าไปสั่งในร้านอาหารนี่เขาจะต้องเสิร์ฟมากับกระป๋องเปล่าให้เราดูเลยว่าเป็นของแท้ หรือไม่ก็จะต้องถ่ายรูปยี่ห้อกระป๋องลงในเมนูกันจะๆ อร่อยจริง
นอกจากอาหารพื้นเมืองแล้ว ฉันยังได้ไปชิมร้านอาหารติดดาวมิชลินหนึ่งดาวอยู่ร้านหนึ่งในเมืองลิสบอน คือร้าน Loco
ร้านนี้ต้องให้คะแนนความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ มันช่างประหลาดล้ำอันที่จริงต้องใช้คำว่า“ช่างกล้า” จะเหมาะกว่า เพราะเขากล้าเล่นกับรสชาติ กล้าเอาเครื่องปรุงที่เราไม่คุ้นปากคุ้นลิ้นมาทำให้กินแบบ fine dining คือฉันว่าใครไม่ค่อยกล้ากินของที่ผิดลิ้นหรือของประหลาดอาจจะทานไม่ได้เลย แต่ฉันทึ่งมาก ยกตัวอย่างก็เช่น เชอร์เบทโรยหน้ากระเทียมกับเมล็ดถั่วลันเตา ตับของปลาอะไรสักอย่างลืมไปแล้วเอามาทำเป็นมูสแล้วม้วนในสาหร่าย สตรอเบอรี่ดองกับเชอร์เบท ปลาหมึกดิบซอยบางเฉียบ เขาเน้นใช้อาหารทะเลที่ปรุงแบบดิบสด กลิ่นทะเลแร๊ง! บรรยายลำบาก ต้องชิมเอง ฉันกินของประหลาดมาเยอะ ที่นี่ต้องยอมว่ารสชาติประหลาดสุด บอกได้แค่ว่าเขาช่างกล้าบ้าบิ่นมากในการคิดเมนูจนต้องถามพนักงานว่าชื่อร้าน Loco เนี่ยมาจากคำว่า louco หรือ loco ในภาษาโปรตุกีสที่แปลว่าบ้าหรือ เปล่านางหัวเราะคิกคักบอกไม่ใช่ มันมาจากคำว่า in loco ที่แปลว่า on the spot หมายถึงทุกสิ่งอันเกิดขึ้นในร้านอาหารตรงครัวเปิดที่เรามองเห็นตรงนั้นสดๆ ไม่มีการเตรียมล่วงหน้าทำสำเร็จรูปมาจากที่อื่นต่างหาก
อีกร้านเป็นอาหารแนว slow food แบบ fine dining เช่นกัน อยู่ที่เมือง Porto ชื่อร้าน ODE Porto Wine House มีโต๊ะแค่เจ็ดแปดโต๊ะเอง เปิดเฉพาะมื้อเย็นและไม่รับวอล์คอินด้วย พอถึงเวลาทานอาหารแล้วเขาล็อกประตูเลย อันนี้เขาเอาตำราอาหารพื้นเมืองมาดัดแปลงให้ร่วมสมัย เรียกว่า Portuguese food with a twist ใช้วัตถุดิบพื้นเมืองสดๆและออร์แกนิค จานปลาที่ฉันทานมีแอบซ่อนอะไรดึ๋งๆอร่อยดีมาข้างล่างด้วย พอถามปรากฏเขาบอกว่ามันคือเพรียง! ทุกจานอร่อยหมดเลย ร้านนี้ก็แนะนำอีกเช่นกัน เสียดายวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เดินทาง ทานมาเยอะจนอิ่มมากทานไม่ค่อยไหวแล้ว จึงสั่งคอร์สแค่สามจาน ไม่อย่างนั้นก็จะสั่งคอร์สใหญ่ห้าจานชิมให้ครบ สงสัยคงต้องกลับไปอีก
จานอื่นที่เสียดายไม่ได้ชิมคือ Francesinha เป็นอาหารประจำเมืองของ Porto มันคือแซนด์วิซที่ข้างในมีทั้งสเต็กแฮมเนื้อต่างๆอัดมาแน่นแล้วโปะหน้าด้วยชีสเยิ้มๆพร้อมไข่อีก ทั้งใหญ่ทั้งหนัก จานนี้คงจะต้องหิวมากจึงจะทานไหว ขอเก็บเอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน จะทานเป็นมื้อแรกเลย ส่วนปลาหมึกยักษ์ Polvo ที่คนนิยมทานกันมากก็ไม่ได้ทาน เพราะฉันพยายามไม่ทานปลาหมึกเนื่องจากคอเลสเตอรอลสูง อีกอันที่เห็นคือ Caracois หอยทากตัวจิ๋วที่จะเสิร์ฟมาเต็มถาดเห็นคนพื้นเมืองใช่ไหมจิ้มฟันแคะกินเล่นแกล้มกับเบียร์เหมือนเป็นของทานเล่น
ส่วนขนมนั้น ก็ของดังที่ทุกคนต้องมาตามทานที่เขียนถึงไปแล้วในโพสต์ก่อน คือทาร์ตไข่หรือ Pasteis de Nata นั่นเอง บางโรงแรมเช่นโรงแรมที่เราพักใน Porto มีเสิร์ฟในบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าด้วย ให้ชิมกันจนสะใจไปเลย
ที่มาเจออย่างไม่ตั้งใจและทำให้ความทรงจำสมัยอยู่บราซิลหวนกลับมาก็คือ Pudim คัสตาร์ดที่ค่อนข้างจะคล้ายขนมหม้อแกงและหวานเจื้อยสุดๆเข้มข้นเหนียวหนึบนั่นเอง อันนี้ใครไม่ชอบหวานทานแล้วอาจจะสะดุ้ง แต่ถ้าละเลียดทานคำเล็กๆจิบๆไปก็จะสามารถทานไปได้เรื่อยๆชิ้นเดียวไม่พอ ส่วนฝอยทองนั้นฉันไม่ได้ตามหาเพราะไม่รู้จะตามไปทำไม เข้าใจว่ามีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ตามร้านอาหารไม่มีเสิร์ฟ
สุดท้ายเครื่องดื่มได้บังเอิญไปทำความรู้จัก Ginjinha เป็นเชอรี่หมักกับวิสกี้จนกลายเป็นเหล้าแรงรสผลไม้หวานอร่อย เวลาทานจะเสิร์ฟแค่ในถ้วยจิ๋วประมาณเป๊กเดียว ร้านที่ขายจะมีอยู่ทั่วไปตามถนน เราเดินเข้าไปสั่งที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินประมาณ1 ยูโร แล้วเขาก็จะเทออกจากไหแก้วที่เห็นเชอรี่อัดหมักอยู่เต็มลงถ้วยแล้วส่งให้ ฉันได้ชิมครั้งแรกที่ร้าน A Ginjinha do Largo de São Domingos ตรงหน้าโบสถ์ São Domingos ในลิสบอน มาเห็นทีหลังว่าร้านนี้เป็นร้านที่ต้องไปชิมเลยเพราะเป็นร้านแรกที่คิดสูตรทำเหล้าชนิดนี้ขึ้นมา โชคดีมาก อันนี้ชอบจนต้องซื้อขวดแบนกลับมาบ้านขวดนึงเลย
ไวน์โปรตุเกสก็เป็นที่นิยมทานกันเยอะ แต่เครื่องดื่มประจำชาติจริงๆต้องยกให้ Port wine ฉันเป็นคนไม่ทานไวน์แต่ถ้าเป็นไวน์หวานแล้วถึงไหนถึงกัน ยิ่งที่นี่เสิร์ฟทั้งแบบ dry เรียกน้ำย่อยก่อนอาหาร และแบบหวานตบท้าย และยังเป็น nightcap ก่อนนอนได้ด้วย มีความสุขถูกใจสุดๆ เห็นทีคราวหน้ากลับมาโปรตุเกสอีกครั้งจะต้องตะลุยเที่ยวไร่ไวน์ที่ Douro Valley สักสามวันค่ะ
เหมือนได้ไปชิมด้วยเลยคะ เห็นภาพและจินตนาการตาม โดยเฉพาะ Bacalhau คนที่บ้านไม่แตะเลย กลิ่นแรง แต่คนไทยเราชอบ นึกถึงปลาเค็มตากแห้งบ้านเรา
จริงค่ะ 555
เห็นภาพและจินตนาการตามเลยคะ Bacalhau คนที่บ้านไม่ชอบเลยคะ กลิ่นแรง แต่คนไทยเราชอบ
Comments are closed.