นี่คือเส้นทางเดินเขาในสวิตเซอร์แลนด์อีกที่ๆสวยมาก สายนี้เดินโหดหน่อยแต่จุดหมายปลายทางเป็นกำลังใจที่ทำให้ลืมความลำบากไปเลย จุดหมายที่เราตั้งใจไปชมนั้นคือ Triftbrücke หรือสะพาน Trift Bridge สะพานแขวนเดินเท้าที่สูง 100 เมตรและยาว 170 เมตร ข้ามทะเลสาบ Trift สีฟ้าน้ำนม โดยมีหิมะขาวบนยอดเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง แค่ฟังว่าจะได้เดินข้ามสะพานแขวนสูงโล่งบนเทือกเขาแอลป์ก็ตื่นเต้นไม่กลัวเหนื่อยแล้ว
สำหรับเส้นทางการเดินทางนั้นอย่างแรกเราต้องขับรถจากบ้านชั่วโมงครึ่งไปขึ้นรถกระเช้า Triftbahn ที่ Gadmen ก่อน ซึ่งจำเป็นต้องจองออนไลน์เอาไว้ล่วงหน้า เนื่องจากกระเช้านี้ให้คนขึ้นได้ครั้งละแปดคนเท่านั้น กระเช้าพาเราเหาะข้ามเขาไปในเวลาไม่กี่นาที บางคนเดินขึ้นเขาตั้งแต่ที่จอดรถเลยซึ่งจะใช้เวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมงกว่า เราขอประหยัดเวลาไปร่วมชั่วโมงและออมแรงเอาไว้เดินข้างบนดีกว่า
จากจุดที่กระเช้ามาจอด เราก็เห็นหิมะที่ยังมีคลุมภูเขาอยู่เป็นช่วงๆไม่ยอมละลายทั้งที่เป็นหน้าร้อนแล้ว เพราะจุดนี้สูงมากและเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์นั่นเอง และเห็นคนที่เดินมาจากข้างล่างต้องเดินเท้าตัดข้ามภูเขาที่มีหิมะคลุมอยู่กันด้วย แค่เห็นก็ตื่นเต้นแล้ว
จากนั้นเราก็เดินเท้าตามเส้นทางไปที่สะพานจุดหมาย ใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 2 ชั่วโมง เส้นทางอยู่ในระดับ T3 นับว่ายากพอควร บางช่วงต้องเดินตัดภูเขาที่มีหิมะคลุม บางช่วงต้องเดินย่ำไปบนลำธาร บางช่วงเป็นก้อนหินโตๆต้องปีนขึ้นไป แต่ช่วงที่เป็นทางราบเลาะไหล่เขาไปก็มีให้พักหายใจบ้าง ทางแคบต้องเดินเรียงหนึ่ง และถ้ามีคนสวนมาก็ต้องคอยหลบกัน แถมเป็นทางเดินขึ้นเสียเยอะ ชั่วโมงครึ่งทำเอาเหนื่อยทีเดียว
แต่พอถึงสะพานแล้วก็แทบจะหายเหนื่อย เพราะภาพที่เห็นมันเร้าใจมาก แต่ก่อนที่จะเดินข้าม ขอนั่งพักเติมพลังกินอาหารดื่มน้ำให้หายเหนื่อยก่อน จุดเชิงสะพานก่อนข้ามนี้มีคนนั่งปิกนิกกันอยู่แล้วหลายกลุ่ม เพราะเป็นจุดที่มองลงไปเห็นทะเลสาบสีฟ้าน้ำนมสวยมาก และถูกโอบกอดด้วยเทือกเขาแอลป์ที่ยังมีหิมะคลุม รอบด้านมองไปเห็นธารน้ำแข็ง Trift Glacier สวยถอดใจมากๆ ท้องอิ่มหายเหนื่อยแล้วเราจึงเข้าคิวกันเดินข้ามสะพาน อยากจะบอกว่ามันไม่หวาดเสียวอย่างที่คาดเอาไว้เลย เพราะเขาสร้างอย่างแน่นหนาและมีลวดสลิงให้เกาะทั้งซ้ายขวา เราต้องเดินเรียงหนึ่งกันไป แต่ก็สามารถสวนกันได้โดยที่ไม่น่าหวาดเสียวนัก ฉันไม่ได้ถ่ายรูปมากเพราะกลัวโทรศัพท์หล่นและอยากเดินซึมซับบรรยากาศจริงๆให้เต็มตา
เราข้ามไปแล้วก็ข้ามกลับเลยเพราะจะต้องนั่งรถกระเช้าตามเวลาที่จองไว้กลับลงมา ถ้าพลาดกระเช้าก็จะต้องเดินเท้าลงมาจนถึงเมืองข้างล่างเลย ใช้เวลาอีกเกือบ 3 ชั่วโมง ไม่ไหวแน่ๆเพราะใช้พลังไปเยอะแล้ว เดินยาวแบบนั้นไม่ไหวแล้ววันนี้ แต่จริงๆจากปลายสะพานที่ข้ามไปอีกฝั่งสามารถเดินต่อขึ้นไปบนกระท่อมบนภูเขาได้อีก เส้นทางจากปลายสะพานไปกระท่อมนี้อยู่ในขั้นที่ยากมาก หรือ T5 เราเห็นมีฝรั่งบางคนเดินไปเหมือนกัน
เส้นทางนี้นับว่าเป็นเส้นทางที่สวยงามและน่าตื่นเต้นอีกเส้นหนึ่ง สายเดินตัวจริงต้องชอบมาก แนะนำเลยว่าต้องมา นอกจากสวยงามได้ออกกำลังแล้ว ยังมีคนมาไม่มากและแทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย ในบริเวณเมืองและหมู่บ้านเขตนั้นยังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่ง เช่นเมือง Meiringen ที่เป็นเมืองต้นกำเนิดขนมเมอร์แรงก์ เดินเขาแล้วยังได้แวะชมสถานที่อื่นๆไปด้วยในวันเดียว
ส่วนเรานั้นหลังจากที่เดินเขาชมสะพานแขวน Trift กลับลงมาแล้ว โดยใช้เวลาไปทั้งหมด 4 ชั่วโมงเท่านั้น เราก็ขับรถต่อมาอีกนิด เพื่อแวะชม Aareschlucht ซึ่งเป็น gorge หรือหุบผาโตรกธารโบราณ พื้นดินบริเวณนี้เป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติของหินปูนที่ถูกน้ำกัดเซาะจนมีรูปร่างสวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน มันเป็นส่วนหนึ่งของพื้นดินในอาณาบริเวณเทือกเขาแอลป์ และเคยถูกทับถมอยู่ใต้น้ำแข็ง ในยุคน้ำแข็งปัจจุบันเขาทำทางเดินเป็นเหมือนสะพานไม้เลียบกำแพงผาให้เดินได้อย่างง่ายและสบายมาก
มีบางช่วงเป็นถ้ำซึ่งอาจจะเปียกและลื่นนิดหนึ่ง แต่โดยรวมแล้วเดินง่ายสบายๆ เส้นทางเดินทั้งหมดยาว 1.4 กิโลเมตร จะเดินทางเดียวก็ได้หรือจะเดินย้อนกลับมาก็ได้หากจอดรถเอาไว้ด้านหน้าอย่างเรา ตรงปากทางเดินจะเป็นเหมือนแม่น้ำที่แล่นไหลเข้าไปในซอกหินเฉยๆ แต่พอเริ่มเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ แม่น้ำหรือลำธารนั้นก็จะแคบลงๆ จนในที่สุดเหมือนเราเข้าไปเดินอยู่ระหว่างผาหินสูงใหญ่ทั้งสอง ความแคบที่สุดนั้นอยู่ที่ 1 เมตรเท่านั้นเอง ในขณะที่ช่วงที่กว้างที่สุดนั้นถึง 40 เมตร ส่วนความสูงของหน้าผานั้นถึง 180 เมตรทีเดียว จึงไม่แปลกที่เมื่อเข้าไปจนถึงจุดที่แคบลึกด้านในแล้ว จะให้ความรู้สึกเหมือนถูกหนีบอยู่ในก้อนหินยักษ์ สนุกตื่นเต้นไปอีกแบบ
ส่วนความงามของตลอดเส้นทางนั้นก็ต้องบอกว่าสวยมาก เราหยุดถ่ายรูปกันตลอดทาง น้ำก็สีสวยและเป็นธรรมชาติที่แปลกตาไปจากที่อื่น Aareschlucht นี้อยู่ไม่ไกลจาก Interlaken ใครผ่านมาเที่ยวทางนี้น่าแวะชมมากๆ
คนส่วนมากมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ก็จะมายึด Interlaken เป็นฐานหลัก อันที่จริงฉันว่าตัวเมืองไม่ได้น่าเที่ยวเท่าไร แต่มันสะดวกในการไปที่ต่างๆโดยรอบ ทำให้เมืองนี้แน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว สำหรับคนที่อยากหาทางเลือกและหนีจากนักท่องเที่ยวบ้าง ขอแนะนำให้แวะมา Aareschlucht เลย โดยเฉพาะสายเดิน บอกเลย Trift ต้องถูกใจ รับรองว่าได้รูปสวยเหนือฟ้าไม่เหมือนใครจากสถานที่ Unseen ของแท้แน่นอน