กิจกรรมเดินป่าบางครั้งก็ต้องหาที่เดินง่ายๆเหมาะกับเด็กๆบ้าง ไม่จำเป็นต้องสวยขาดใจเหนือฟ้าทุกคราวไป แต่ต้องมีกิจกรรมอะไรหลอกเด็กให้สนุกตื่นเต้นนิดหนึ่ง ได้วิ่งเล่นในทุ่ง ปีนป่ายตามทางเดินง่ายๆ สอนให้เด็กๆรักธรรมชาติและชอบการเดินออกกำลังกายแบบคนสวิส สรุปจึงลองไปที่ Hoch-Ybrig กัน แล้วแถมท้ายจบวันด้วยร้านอาหารที่น่ารักบนเกาะจิ๋ว
Hoch-Ybrig เป็นลานสกีซึ่งน่าจะอยู่ใกล้เมืองซูริคที่สุดแล้ว ขับรถไปไม่ถึงชั่วโมงหนึ่งดี แต่ปกติฉันไม่ได้ไปสกีที่นี่เนื่องจากความสูงมันยังไม่มากนัก ยังใกล้เมืองอยู่ สภาพหิมะและความท้าทายของเนินเขาจึงไม่ค่อยตื่นเต้นสำหรับเราเท่าไหร่ แต่มันเหมาะสำหรับเด็กๆมาหัดเล่นสกีกัน เด็กสวิสแถวซูริกส่วนมากจะมาเริ่มหัดสกีครั้งแรกในชีวิตกันที่นี่ พอช่วงหน้าร้อนซึ่งไม่มีหิมะให้เล่นสกีเขาก็จะเปิดลิฟท์ซึ่งคือกระเช้าสกีนั่นแหละ ให้คนนั่งขึ้นไปเพื่อเดินเขาในป่าบนยอดเขาได้ ตอนแรกเราจะนั่งกระเช้าขึ้นไป 2 ต่อจนถึงบนยอดเขาแล้วเดินเลาะตามสันเขายาว แต่ปรากฏว่ากระเช้าเปิดแค่ช่วงล่าง เราจึงขึ้นไปเพียงแค่ครึ่งทางชั้นเดียว และเปลี่ยนแผนมาเดินเส้นทางบริเวณนั้นแทน
การนั่งเก้าอี้ที่เป็นลิฟท์สกีโดยที่ไม่มีสกีติดเท้าอยู่และไม่มีหิมะข้างล่างนี่เป็นความรู้สึกที่แปลกไม่เคยชินจริงๆ ยังพูดเล่นกันว่า เดี๋ยวพอกระเช้าถึงสถานีข้างบนเราจะลุกลงไม่เป็นเพราะปกติจะไถสกีออกไปเลย แต่เอาเข้าจริงกระเช้าก็จะเบรคจนช้าให้เราลุกขึ้นเดินออกได้ง่าย พอออกไปนิดเดียวก็มีร้านอาหารร้านแรกซึ่งมีคนนั่งกินอยู่เยอะพอควร ปกติก็เป็นร้านอาหารที่เสิร์ฟนักสกี เราเดินไปตามทางซึ่งเดินง่ายมากๆต่อไปอีกสัก 15 นาทีก็ถึงร้านอาหารอีกร้านหนึ่ง ร้านนี้อยู่เหนือทะเลสาบ มองลงไปข้างล่างเห็นทะเลสาบและป่าที่เราตั้งใจจะมาเดินกัน จึงขอแวะทานข้าวกลางวันก่อนเนื่องจากที่ร้านมีเครื่องเล่นให้เด็กเล่น มีไม้ลื่นเป่าลม และมีกระบะทรายเป็นต้น
หลอกเด็กให้สนุกและทานข้าวอิ่มแล้วเราจึงเดินลัดเลาะไปตามป่าลงไปที่ทะเลสาบเล็กๆด้านล่าง รอบตัวไม่มีใครเลย ที่ตรงนี้คงไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่ หนุ่มสองคนลงไปว่ายน้ำเล่นในทะเลสาบกันอยู่พักใหญ่ ส่วนฉันเป็นโรคขี้เกียจเปลี่ยนชุดเปียกไปเปียกมา จึงนั่งเล่นชมวิวรออยู่ ตลอดเวลาครึ่งชั่วโมงตรงนั้นไม่มีคนอื่นเลยจริงๆนอกจากเรา ธรรมชาติเป็นของเราล้วนๆ
จากนั้นเราก็ชวนกันเดินไปตามเส้นทางเดินป่ากลับลงข้างล่าง ไม่นั่งกระเช้าลงเพราะจุดหมายคือการเดินนี่นา ทางเดินคราวนี้ยากขึ้นแต่ก็ไม่นับว่ายากมาก เด็กสนุกเพราะได้เดินลุยเข้าไปในทุ่งหญ้าที่มีดอกไม้ป่าเต็มทุ่ง สลับกับเข้าไปในป่าครึ้ม บางช่วงไม่มีแนวเส้นทางเดินเลย ต้องเดาเอา บางช่วงมีทางเป็นรากไม้ปุ่มป่ำ ตรงในป่าฉันไม่ได้ถ่ายรูปเพราะต้องถือไม้ช่วยและตั้งใจเดินกลัวสะดุดล้ม เลยไม่มีภาพที่บางช่วงต้องข้ามลำธารเล็กๆ บางช่วงเดินบนสะพานไม้ มันเรียบง่ายไม่ใช่วิวระดับโลก แต่เป็นวิถีชีวิตสวิสแท้ๆที่ไม่ปรุงแต่ง และน่ารักแบบธรรมชาติ
พอลงมาต่ำหน่อยก็ต้องเดินผ่านฟาร์มที่ชาวนากำลังขับแทร็คเตอร์ทำงาน ตรงนี้แหละได้เห็นความเป็นสวิสที่ไม่มีให้เห็นมากในที่อื่น คือฟาร์มและบ้านชาวนาทุกหลังตลอดเส้นทางนั้น เขากันส่วนหนึ่งของที่ดินตัวเองตรงริมแปลง สร้างรั้วเตี้ยๆกั้นเป็นทางเดินให้คนเดินผ่านแต่ละที่ทะลุต่อๆกันไปได้ ระหว่างที่ดินแปลงหนึ่งไปแปลงหนึ่งก็จะมีประตูให้ผลักผ่านเข้าไป เราเดินผ่านไปตั้งหลายสวนหลายนาเขาไม่หวงเลย ไม่ห่วงด้วยว่าคนแปลกหน้าที่ไหนจะมาเดินในที่ของเขา ขอให้เดินในทางที่กั้นไว้ให้เท่านั้น เราผ่านบางแปลงเขากำลังขับแทรคเตอร์หรือทำงานในสวนอยู่ก็ยิ้มให้เรา น่ารักในน้ำใจและวิถีชีวิตเขาจริงๆ
ใช้เวลาเดินจากข้างบนลงล่างถึงที่จอดรถราว 1 ชั่วโมง วันนี้ทั้งหมดเดินไปประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง ไม่มากและไม่ยาก เวลายังไม่เย็นมาก แดดฤดูร้อนยังจ้าอยู่ ฉันรู้สึกยังไม่หมดสนุกจึงหาดูว่าบริเวณทะเลสาบทั้งหลายที่เป็นทางผ่านกลับบ้านมีอะไรน่าสนใจบ้าง เจอว่าทะเลสาบเล็กๆชื่อ Lauerzersee ใกล้ๆเมือง Schwyz เมืองที่ก่อตั้งประเทศสวิสเซอร์แลนด์นั้นมีเกาะจิ๋วอยู่ชื่อ Schwanau และบนนั้นมีร้านอาหาร ทั้งเกาะไม่มีอะไรเลยมีแค่ร้านอาหารเล็กๆร้านนี้ร้านเดียว ดูแล้วท่าทางจะน่ารักเอามากๆ เลยตกลงว่าเย็นนี้ไปกินข้าวเย็นที่นี่ดีกว่า
ปรากฏโทรไปเขาไม่รับสายเราจึงตัดสินใจว่าลองขับรถไปดูเลยแล้วกัน เพราะอย่างไรก็เป็นทางผ่านกลับบ้านได้ทางที่ไปก็สวยมาก เป็นทางตัดบนภูเขาที่นักปั่นจักรยานนิยมกัน วิวธรรมชาติมากและถนนชันมาก เห็นนักปั่นหลายคนเริ่มจะหมดแรงจอดพักกัน ไม่นานก็มาถึงทะเลสาบ จากถนนที่แล่นมามองไปเห็นเกาะที่มีร้านอาหารอยู่ชัดเจน และเห็นท่าเรือที่จะข้ามไปเกาะอยู่ตรงนั้นเลย เราจึงจอดรถลงไป มีคุณลุงขับเรือมาเทียบท่ารับคนที่รออยู่ 3-4 คนพอดี เราไปถามว่าอยากจะไปทานอาหารแต่ไม่รู้ร้านเปิดไหมเพราะไม่รับสาย ลุงก็โทรศัพท์ให้เดี๋ยวนั่นเลย ร้านตอบมาว่าให้ไปได้เลย เราจึงลงเรือลุง จ่ายค่าเรือคนละ5 ฟรังก์ ข้ามไม่กี่นาทีก็ถึงเกาะ เรือใหม่ ท่าดี สวยงามเหมือนไปเที่ยวตากอากาศ
จากท่าเรือบนเกาะเดินขึ้นบันไดไปปุ๊บก็ถึงร้านอาหาร ร้านชื่อ Insel-Restaurant Schwanau เปิดเฉพาะหน้าร้อน ที่นั่งจึงอยู่ด้านนอกรับลมรับวิวทั้งหมด บรรยากาศดีมากๆ ข้างๆมีโบสถ์น้อยซึ่งมีพระมาสร้างเอาไว้ 300 กว่าปีแล้ว (แต่พังไปและถูกสร้างขึ้นใหม่ทีหลัง) และมีอาคารแบบบ้านไม้ชาเล่ต์ของสวิตฯซึ่งเป็นส่วนครัวน่ารักน่าชังและโรแมนติกมาก ร้านดูมีความง่ายๆอยู่ ไม่ต้องแต่งตัวหรูหราก็มาได้ เรามากันในชุดเดินเขาด้วยซ้ำ (แต่แขกอื่นเขาก็แต่งตัวงามกว่าเรา) หากมันมีความพิเศษของสถานที่ๆดูเหมาะกับโอกาสพิเศษ
บนเกาะนี้มีซากหอคอยเก่าสร้างมาตั้งแต่ราวปี 1200 เคยมีรูปวาดว่าเคยเป็นปราสาทเก่าอยู่ แต่ตอนนี้เหลือแต่หอคอยที่สามารถเดินขึ้นไปได้ เขาทำบันไดทางขึ้นอย่างดี ซึ่งขอบอกว่าเป็นขั้นบันไดที่เก๋เลิศและเวิร์คที่สุดที่ฉันเคยเห็น มาเขาตัดไม้ของแต่ละขั้นให้เฉียงสลับทางกัน มันจึงกว้างพอให้วางเท้าทั้งที่จริงๆถ้าไม่ตัดไม้แบบนั้น มันจะเป็นขั้นบันไดที่แคบและเดินลำบากมาก เป็นการแก้ปัญหาที่ฉลาดที่สุด และพลอยได้ขั้นบันไดที่สวยเก๋ไม่เหมือนใคร
บนหอก็เล็กๆแต่เห็นวิวของทะเลสาบไปได้โดยรอบ คนแถวนี้ออกเรือตกปลาบ้าง เล่นเรือผ่อนคลายบ้างกันเยอะ ดูสวยสงบดีจริง ส่วนอาหารก็ดีเลย เมนูไม่มากแต่น่าสนใจ และอร่อยใช้ได้ตามมาตรฐานสวิส เป็นสถานที่ๆสามารถพาคนมาเซอร์ไพร้ส์ รับรองว่าต้องประทับใจสุดๆ เพราะใครจะคาดคิดว่าจะมีร้านอาหารน่ารักอยู่บนเกาะจิ๋วนี้ ที่สำคัญทั้งเกาะมีแค่ซากปราสาทเก่า หอคอย และร้านอาหารนี้เท่านั้น และจะไปได้ก็ต้องนั่งเรือข้ามฟากไปอย่างเดียว
เก๋เอ็กซ์คลูซีฟและน่ารักสุดๆ ฉันดีใจมากที่ค้นพบอย่างบังเอิญ แถมยังอยู่ใกล้ซูริกเพียงแค่นิดเดียว ร้านอาหารบนเกาะจิ๋วกลางทะเลสาบเหมือนในนิทาน ที่ฉันจะเก็บไว้พาคนพิเศษไปเซอร์ไพร้ส์ตอนฤดูร้อน