ความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งของฉันตอนเป็นเด็กก็คืออยากจะดำน้ำลึกแบบ Scuba เป็น สมัยนั้นมีกฎว่าคนจะเรียนได้ต้องมีอายุอย่างน้อย 15 ปี ฉันก็นับเวลารอ แต่กว่าจะได้เรียนเข้าจริงก็อายุ 20 ปีแล้ว จำได้ว่าต้องเรียนจริงจัง ใช้เวลากันเป็นเดือนๆทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จบแล้วต้องไปสอบกันที่เกาะครกพัทยา และการจะออกไปดำน้ำกันทีใช้เวลานานมาก เรือก็ต้องว่าเรือประมงออกไป ทุกอย่างไม่ได้ง่ายสะดวกสบายอย่างสมัยนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ขยันออกทริปดำน้ำกันอยู่เรื่อยๆ ปีหนึ่งมีหลายทริปเลย อะไรที่เกี่ยวกับเรื่องดำน้ำก็จะตื่นเต้นไปหมด และแน่นอนพระเอกในดวงใจคนหนึ่งของพวกเราก็คือ Jacques Cousteau นักดำน้ำ นักอนุรักษ์ธรรมชาติ ช่างภาพใต้น้ำ ผู้เชี่ยวชาญในทุกสิ่งอันเกี่ยวกับสมุทรศาสตร์ เขาเป็นชาวฝรั่งเศสผู้ซึ่งค้นคว้าและทำอะไรไว้ให้มากมายเกี่ยวกับโลกใต้น้ำ เขียนหนังสือไว้ 50 กว่าเล่ม สารคดีอีกเป็นร้อยๆเรื่อง และได้รับรางวัลมากมายสำหรับสิ่งที่เขาทุ่มเททำให้ธรรมชาติทางทะเลของโลก

ที่โมนาโคนี้มีพิพิธภัณฑ์ทางทะเลอยู่หนึ่งแห่งคือ Musée Océanographique หรือ The Oceanographic Museum พอฉันรู้ว่า Jacques Cousteau เคยเป็นไดเรคเตอร์อยู่ 30 กว่าปีจึงเนื้อเต้นอยากจะไปชมขึ้นมาเลยเชียว ทั้งที่จะว่าไปแล้วฉันร้างลาวงการดำน้ำมาหลายปีแล้ว เหตุการณ์และโอกาสประจวบเหมาะเป็นที่สุด มีเวลาอยู่คนเดียวประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนกลับบ้าน หลังจากแยกย้ายกับกลุ่มที่มาร่วมประชุมตรงหน้าพิพิธภัณฑ์พอดี จัดไปสิคะ รออะไร

ค่าเข้าราคา 14 ยูโร ซื้อตรงหน้าตึกได้เลย ก่อนเข้าไปข้างในต้องหยุดพิจารณาตัวอาคารก่อน เพราะสวยสง่าสะดุดตามากค่ะ เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโร้กตั้งอยู่สวยโก้บนโขดหินริมหน้าผาที่ตัดดิ่งลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเลย แปลกตาผิดกับความคาดหวังว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเลจะอยู่ในตึกทันสมัย หรือเป็นโรงใหญ่ๆ คงเป็นเพราะพิพิธภัณฑ์นี้ตั้งโดยเจ้าชาย Prince Albert I แห่งโมนาโคผู้ซึ่งหลงใหลทุกสิ่งอันเกี่ยวกับทะเลและมหาสมุทร ทรงศึกษาและทำวิจัยต่างๆมากมายทางสมุทรศาสตร์และได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์นี้ขึ้นเมื่อ 100 กว่าปีที่แล้ว

ด้านในพิพิธภัณฑ์มีหลายชั้น มีทั้งส่วนที่จัดแสดงสิ่งต่างๆเกี่ยวกับทะเล ซากกระดูกสัตว์ทะเล แบบจำลองเรือ และห้องวิจัยในเรือสมุทรของพระองค์ ด้านในอาคารสวยงามมาก ประมาณว่าเป็นสถาปัตยกรรมแบบพระราชวังกันทีเดียว เพดานสูงหน้าต่างใหญ่ หยดย้อยคลาสสิก แต่ละห้องใหญ่ก็อลังการทำให้จัดแสดงสิ่งต่างๆได้สวยงาม พื้นปูเซรามิกชิ้นเล็กๆเป็นรูปสัตว์น้ำหรือสิ่งต่างๆในทะเล แม้แต่โคมไฟยังแลดูคล้ายหอยเม่นเลย เป็นการผสมผสานดีไซน์แบบคลาสสิกเข้ากับความร่วมสมัยทางทะเล

ส่วนชั้นใต้ดินเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีแท็งค์น้ำจัดแสดงกุ้งหอยปูปลาปะการังต่างๆ มีแท้งค์ใหญ่สูงจรดเพดานเดินดูได้หลายด้าน มีฉลามหลายพันธุ์ว่ายวนอยู่ข้างใน ธีมการจัดแสดงในแต่ละตู้ของเขาก็นับว่าดีมากๆทีเดียว เพราะนอกจากจะสวยงามแล้วยังเลือกสัตว์น้ำแปลกๆมาให้ดูแต่ละตู้อยากได้อย่างสวยงามมากๆ ไม่น่าเบื่อเหมือนบางพิพิธภัณฑ์ แต่ที่ฉันชอบสุดๆจนต้องร้องว้าวออกมาหลายครั้งก็คือ ถังสูงทรงกระบอกที่ใส่แมงกะพรุนเอาไว้เต็ม เหมือนเขาเปิดน้ำให้มันไหลวนเบาๆม้วนรอบถัง บรรดาแมงกะพรุนเหล่านั้นจึงลอยละล่องไปในทิศทางเดียวกันอย่างช้าๆโดยมีแสงไฟส่องออกมาจากตู้ เห็นเหมือนตัวแมงกะพรุนใสๆนั้นเล่นแสงไฟวิบวับ เต้นระบำช้าๆไปตามกระแสน้ำสวยเหมือนฝันตะลึงตึงตึงมาก

ชมคลิปแมงกะพรุน

เมื่อดูครบทุกชั้นแล้วก็ขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า ซึ่งเปิดโล่งให้ดูวิวเมืองมอนติคาโลแบบพาโนราม่าทั้งเมือง อันนี้ทางขึ้นจะหายากนิดหนึ่ง มันเป็นลิฟต์ที่ต้องสังเกตดีๆ ข้างบนมีร้านอาหารและบริเวณให้เด็กเล่นด้วย

สรุป ชอบมากๆ เป็นอะไรที่ไม่ค่อยได้ยินคนพูดถึงแต่ดีกว่าที่คาด แถมหน้าพิพิธภัณฑ์ยังเป็นจุดขึ้นรถไฟชมเมืองด้วย ใครจะไปสามารถวางแผนเที่ยวได้ง่ายๆเลย และถือเป็นการเที่ยวแบบทูอินวันเพราะได้ชมทั้งโลกใต้น้ำและสถาปัตยกรรมที่งามยิ่งของโมนาโค

NO COMMENTS