Bologna เมืองหลวงของเขต Emilia-Romagna เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นอันดับ 7 ของอิตาลี มีดีและเป็นเมืองที่มีความสำคัญหลายอย่างต่ออิตาลี แต่ทำไมไม่ค่อยมีใครนิยมมาเที่ยวกัน คนพูดถึงก็น้อย ฉันไปสำรวจมาช่วงสั้นๆที่ไปทำงาน4 วัน ขอบอกเลยว่าใครที่ข้ามไปน่าเสียดายมาก!
ขอเกริ่นก่อนว่าฉันรักอิตาลีมากๆก็ตรงที่แต่ละเมืองมีเรื่องราวและมุมนั้นมุมนี้ที่แตกต่างเฉพาะตัวนี่แหละ ทำให้เวลาไปเมืองใหม่ๆจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจเหมือนได้ไปประเทศใหม่ ไม่รู้สึกว่า มาอิตาลีอีกแล้วเหรอ เพราะมันไม่มีอะไรซ้ำกันเลย นอกจากหนุ่มๆที่หน้าตาดีคงที่คงวา อิอิ ดังนั้นพอได้มาโบโลญญ่าก็ไม่ได้เบื่อว่าเป็นอิตาลีอีกแล้ว เพราะมันมีอะไรดีๆสนุกๆที่ต่างจากจากเมืองอื่น
โบโลญญ่าเป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยที่เก่าที่สุดในโลก คือ University of Bologna ก่อตั้งตั้งแต่ปีคริสตศักราชที่ 1088 (อุ้ย.. เก่ากว่าประเทศไทยอีก) สมัยนี้ก็ยังนับว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัย จึงเป็นเมืองที่มีบรรยากาศครึกครื้นเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาววัยเรียน คืนวันศุกร์วันเสาร์งี้คึกคักจนดึกเลย ในแง่เศรษฐกิจก็เป็นศูนย์กลางของทั้งเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การเงิน การเดินทาง จึงเป็นเมืองที่นับว่าร่ำรวยอันดับต้นๆของอิตาลี (เคยติดอันดับหนึ่งด้วย) เป็นเมืองเกิดของรถดังๆของอิตาลีหลายยี่ห้อ เช่น Lamborghini, Maserati บิ๊กไบค์ Ducati แต่เมื่อพูดถึงคำว่าโบโลญญ่าสิ่งที่น่าจะคุ้นหูคนไทยเรามากที่สุดน่าจะเป็นไส้กรอกโบโลญญ่าหรือไม่ก็ Bolognese ซอสเนื้อใส่สปาเกตตี้ที่ใครๆก็ชอบกินนั่นเอง ซอสนี้มีกำเนิดที่เมืองนี้ตามชื่อ แต่ที่นี่เขากลับไม่เรียกว่าซอสโบโลญเญสนะ เรื่องอาหารการกินนี้เดี๋ยวฉันขอยกไปเล่าแยกต่างหากเลยในหมวดรีวิว
อย่างที่บอกว่ามาทำงาน ก็เลยไม่ได้เจาะเที่ยวอะไรมาก แต่ได้ไปเดินเล่นในตัวเมืองหลังเลิกงานทุกเย็น ตัวเมืองเล็กๆเดินวนไปวนมาสี่วันก็ทั่ว ได้ชมความงามของสถานที่สำคัญทั้งหลายเช่นหอคอยคู่ Due Torri สัญลักษณ์ของเมืองโบโลญญ่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป้อมปราการรักษาเมืองในอดีตที่หลงเหลือมา (เขาว่าในอดีตมีถึง 180 หอคอยเลยแต่ตอนนี้เหลืออยู่ประมาณแค่ 20)
ตรงลาน Piazza Maggiore มีวิหารใหญ่กลางเมือง Basilica San Petronio เป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 10 ในโลก ฉันได้เข้าไปวันอาทิตย์ตอนที่มีพิธีมิสซาด้วย ด้านหนึ่งของลานขนาบด้วยตึกของ Palazzo dei Banchi อีกฝั่งของลานมีน้ำพุ Fountain of Neptune มีอนุสาวรีย์ของเทพเนปจูนถือตรีศูลสามง่ามยืนอยู่ด้านบน เขาว่าโลโก้ของรถแรงยี่ห้อ Maserati นี้ได้แบบมาจากสามง่ามของอนุสาวรีย์อันนี้นี่เอง
สถาปัตยกรรมที่ฉันว่าสวยมากๆและเดินมาเจออย่างไม่ตั้งใจคือ Museo Biblioteca dell’Archiginnasio เป็นห้องสมุดเก่าของมหาวิทยาลัยโบโลญญ่า ตอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์อยู่ด้านในด้วย ตอนที่ฉันไปถึงค่ำแล้วทุกอย่างปิดหมดแล้ว จึงได้เดินชมแต่ลานรอบคอร์ทยาร์ดและบันไดขึ้นตึกทั้งสองข้าง แค่นี้ก็ตะลึงตึงตึงแล้ว กดเข้าไปดูการตกแต่งและสถาปัตยกรรมของด้านในห้องสมุดในเว็บไซต์ เห็นแล้วคิดว่าคงจะต้องกลับมาชมด้านในอีกแน่นอนเพราะแบบนี้ของชอบเลย
พูดถึงสถาปัตยกรรม สำหรับโบโลญญามีสถาปัตยกรรมอย่างหนึ่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเลยก็ว่าได้คือ เป็นเมืองที่มี Portico เยอะมากๆ Portico คือทางเท้าคนเดินที่มีหลังคาคลุม (หรือจริงๆเพดานนั้นคือพื้นของชั้นสองของตึกนั้น) ผ่านไปตามหน้าร้านค้าต่างๆที่เรียงรายกันอยู่ริมถนน เมืองหลายเมืองในอิตาลีจะมีสถาปัตยกรรมแบบนี้ ฉันชอบมากเพราะเดินช้อปปิ้งได้ไม่เปียกเลย ว่ากันว่าแค่ในเขตเมืองเก่า โบโลญญ่านี้วัดความยาวของ Portico ทั้งหมดรวมกันแล้วได้ถึง 38 กิโลเมตรทีเดียว แต่ละอันก็จะสวยงามและแปลกตาไม่เหมือนกัน
คืนหนึ่งขณะเดินเล่นชมเมือง ตอนเดินไปถึงที่ถนน Via D’Azeglio มีไฟติดประดับประดามากมาย ปรากฏได้ความรู้ใหม่ เพื่อนสาวที่เป็นเจ้าถิ่นอยู่โบโลญญ่าและพาเดินเที่ยวคืนนั้นเล่าให้ฟังว่า ถนนนี้เป็นบ้านของ Lucio Dalla นักร้องนักแต่งเพลงดังของเมือง ตอนเขาเสียชีวิตไม่กี่ปีมานี้มีการเปิดบ้านให้คนเข้าชม คนในเมืองรักและภูมิใจเขามาก ส่วนไฟที่ประดับประดาอยู่นั้นคือชื่อเพลงต่างๆมากมายที่เขาได้แต่งตอนที่มีชีวิตอยู่ ที่ดังมากและฉันชอบมากก็คือเพลง Caruso ตรงซอยเล็กทางเข้าบ้านเขาก็มีไฟเป็นคำอ่านได้ว่า Ciao Lucio ลาก่อน ลูชิโอ้…