วันนี้ฉันค้นพบสถานที่อันมหัศจรรย์อย่างมากแห่งหนึ่ง อยู่จากบ้านไปแค่ขับรถ 45 นาทีเท่านั้นเอง สถานที่นั้นก็คือ Kartause Ittingen ลองมาดูกันว่ามันคืออะไร

เรามีเพื่อนสวิสคนหนึ่งเป็นชายโสด เขาอายุ 60 กว่า เกษียณแล้ว เพิ่งตัดสินใจย้ายจากซูริกกลับไปอยู่ที่เมืองบ้านเกิดของเขาคือ Frauenfeld ที่คันโตน (หรือจังหวัด) Thurgau ทางเหนือของซูริก เพื่อที่จะได้กลับไปอยู่ใกล้พี่น้อง และเขามีที่ดินและสวนเป็นมรดกจากพ่อแม่อยู่ที่นั่น เขาเลยชวนเราไปเที่ยวอพาร์ตเม้นต์ใหม่ของเขา บอกว่าจะพาไปดูบ้านที่เขาเกิดและโตมาตอนเด็กและไร่กุหลาบซึ่งเป็นกิจการดั้งเดิมของพ่อแม่เขาด้วย แล้วบอกว่าจะพาไปกินข้าวและชมสถานที่หนึ่ง ซึ่งก็คือ Kartause Ittingen นั่นเอง

ตอนแรกเขาบอกสั้นๆแค่ว่าสถานที่นี้มันเป็น Monastery หรือวัดที่พระอาศัยอยู่เก่า แต่ตอนนี้เอาตึกมาทำเป็นร้านอาหารและโรงแรม ฉันก็ยังไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ แค่สงสัยว่ามันจะมีดีอะไร แต่พอไปถึงได้เห็นกับตาแล้วก็สุดแสนจะตื่นเต้น เพราะฉันเป็นคนที่หลงใหลการเอาตึกโบราณมาชุบชีวิตใช้งานใหม่มาก วัดเก่านี้มีพื้นที่อยู่บนเนินเขาใหญ่มากๆ เคยเป็นที่อยู่ของพระนิกาย Cathusian มาก่อน ปัจจุบันใช้งานเป็นศูนย์สัมมนาและศูนย์วัฒนธรรม โดยเอากุฎิเก่าของพระซึ่งเป็นบ้านอิฐหน้าจั่วท่ามกลางสวนดอกไม้สวยงามมาแปลงเป็นห้องพักถึง 68 ห้อง ตึกพวกนี้น่ารักมากๆ ยิ่งตอนนี้หน้าร้อนดอกกุหลาบดอกไม้บาน ไปเดินในสวน น่ารักมากๆ

เขามีห้องสัมมนาและจัดเลี้ยงใหญ่มาก และในตึกใหญ่ด้านหน้ายังมีห้องพักแบบทันสมัยอีกด้วย สถานที่เหมาะที่สุดสำหรับการจัดสัมมนาบริษัทหรืองานเลี้ยงงานแต่งงานใหญ่ๆ เพราะในบริเวณมีร้านอาหารชื่อ Mühle ที่นอกจากจะอร่อย มีกังหันวิดน้ำอายุ 100 กว่าปีอย่างเก๋อยู่ในร้าน แล้วยังมี concept ที่ได้ใจมาก concept นั้นก็คือ 0 Kilometer แปลว่าเขาตั้งใจที่จะใช้วัตถุดิบในการปรุงอาหารที่มาจากในพื้นที่ไร่สวนและฟาร์มของตัวเองทั้งหมดโดยไม่ต้องขนวัตถุดิบมาจากแดนไกลให้โลกร้อน (ฟาร์มเขานับว่าเป็นหนึ่งในใหญ่ที่สุดของ Thurgau ทีเดียว มีทั้งพื้นที่ที่ใช้เป็นฟาร์มและมีพื้นที่เป็นป่าด้วย) ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้ทั้งหลาย ไข่จากแม่ไก่ที่เลี้ยงเอง หรือนมที่รีดจากแม่วัวแล้วมีโรงทำชีสเอง บ่อปลาเทร้าท์ รวมทั้งมีไร่องุ่นและโรงทำไวน์เอง กับไร่ Hops ที่เอามาหมักเบียร์เองอีกด้วย เขาจะเลือกปรุงอาหารจากวัตถุดิบที่ผลิตได้ในแต่ละวัน อะไรที่หาไม่ได้เขาก็จะพยายามหาในบริเวณใกล้เคียงที่สุด ในเมนูอาหารแต่ละชนิดจะมีเขียนกำกับเอาไว้เลยว่าเมนูไหนมีวัตถุดิบที่มาจากบริเวณกี่กิโลเมตร เช่น 5 กิโลเมตรหรืออย่างไกลสุดไม่เกิน 10 กิโลเมตร Concept อีกอย่างของเขาคือจ้างคนทำงานในพื้นที่ๆเป็นคนพิการหรือคนด้อยโอกาสให้มีงานทำไม่ว่าจะเป็นในโรงงานทำชีส ในฟาร์มไร่สวนเรือกนา หรือในโรงแรมและร้านอาหารของเขา เรียกว่าทุกสิ่งอันจะยึดกรอบอยู่ในความพอเพียงและท้องถิ่นอย่างจริงจัง เขาว่าเป็นการดำเนินตามปรัชญาของการใช้ชีวิตพอเพียงของพระที่เคยอยู่ที่นี่ในสมัยก่อน แต่เอามาปรับให้เข้ากับชีวิตสมัยใหม่ น่านับถือมากที่เขาสามารถทำโปรเจ็คใหญ่แต่มีปรัชญาลึกซึ้งแบบนี้ได้อย่างประสบความสำเร็จและออกมาสวยงาม

กินข้าวชิมความสดอร่อยของผลิตผลเขาแล้วเราก็ไปเดินชมสวนและฟาร์มที่ปลูกผลิตผลเหล่านั้นที่นำมาใช้ในร้านอาหารและโรงแรม ทั้งไร่ไวน์ สวนดอกไม้ที่เขาเก็บดอกไม้มาใส่อาหารทุกจาน ตามสวนสวยของห้องพักที่เคยเป็นกุฎิพระก็มีสมุนไพรเต็มไปหมด ทั้งโรสแมรี่ ไทม์ มะเขือเทศ และอื่นๆอีกมากมาย ลูกแอปเปิ้ลลูกแพร์ขึ้นในสวนดกงดงาม และมีบ่อปลาที่เลี้ยงปลาเทร้าท์เองด้วย พื้นที่ที่ใช้งานเกษตรเหล่านี้ปรับภูมิทัศน์ไว้อย่างสวยงาม เรียกว่าไปถ่ายรูปพรีเว็ดดิ้งได้เลยทีเดียว

และในเมื่อมีผลผลิตในพื้นที่เองได้มากอย่างนี้ในบริเวณจึงยังมีร้านขายของขายชีส ไวน์ เบียร์ ไส้กรอกต่างๆ เบคอน และปลาเทราท์รมควันด้วย และในพื้นที่ยังมีพิพิธภัณฑ์คือ Ittingen Museum จัดแสดงประวัติศาสตร์และชีวิตของท้องถิ่น และ Thurgau Art Museum เป็นเรื่องของงานศิลปะ วันนี้ฉันไม่ได้เข้าไปชมแต่ได้เห็นว่าในสวนบริเวณรอบๆมีงานศิลปะหลายชิ้นจัดแสดงอยู่ เป็นงานแบบ Installation art โดยศิลปินท้องถิ่นสองคน และรู้มาว่าในช่วงหน้าร้อนยังมีการจัดแสดงคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิคหลายรายการเป็นประจำทุกปีด้วย อันนี้น่าสนใจมาก จะต้องศึกษาดูว่าปีนี้เขาจะเล่นเมื่อไหร่และศิลปินที่จะมาเป็นใคร จะได้กลับไปชม

เรื่องสนับสนุนศิลปินนี้เขาทำอย่างจริงจังมากกว่าแค่ให้พื้นที่จัดคอนเสิร์ตหรือจัดงานแสดงศิลปะ ฉันรู้แล้วอึ้งไปเลย คือกุฎิพระที่เป็นห้องโรงแรมสวยนั้นมีอยู่ 2 ห้องที่เขายกให้ศิลปิน จะเป็นสาขาไหนก็ได้มาพักอยู่ได้ฟรีเลยเป็นเวลาสี่ถึงหกสัปดาห์ เพื่อให้มาอยู่กับธรรมชาติและความเงียบ มาหาแรงบันดาลใจ แล้วใช้เวลาที่อยู่ที่นี่สร้างผลงานศิลปะ เขาไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไรเลยยกเว้นค่าน้ำค่าไฟที่จะเก็บเหมารวม 6000 กว่าบาทเท่านั้น แต่คนที่อยากจะมาต้องส่งใบสมัครและมีการสัมภาษณ์คัดเลือก และเขาขอว่าเมื่อพักอยู่ที่นั่นจนหมดเวลาแล้วอยากให้ส่งรายงานมาให้ดูว่าผลงานศิลปะที่สร้างขึ้นนั้นเป็นอะไรและพัฒนาต่อยอดไปอย่างไร ฉันว่า concept นี้สุดยอดจริงๆ เพราะใครก็ตามถ้าได้ไปอยู่ที่นั่น ในบ้านที่สวยงามล้อมรอบด้วยสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ใบไม้สวยงามแบบนั้น อากาศดีบริสุทธิ์เงียบสงบอย่างนั้น ก็คงจะมีแรงบันดาลใจผลิตผลงานดีๆออกมาได้แน่นอน ให้ฉันไปฝังตัวเขียนหนังสืออยู่ที่นั่นสักเดือนหนึ่งก็เอานะ เอ๊ะหรือจะสมัครไปดี

นี่แหละสถานที่มหัศจรรย์อันซีนที่ฉันค้นพบ มันเป็นทั้งโรงแรม ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ ร้านขายวัตถุดิบอาหารในท้องถิ่น สวนพักผ่อน จุดเช็กอิน ที่ถ่ายรูป ที่เดินออกกำลัง ครบอยู่ในที่เดียว ไปแล้วได้ครบทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปะ ธรรมชาติ ออกกำลัง กินดื่ม ครบถ้วนสมบูรณ์มากๆ นอกจากนี้แนวคิดก็ยังเป็นเลิศ สำหรับฟ้าการเอาตึกเก่ามาชุบชีวิตใช้ประโยชน์ได้อย่างสวยงามในยุคใหม่ก็เด็ดแล้ว แล้วยังมีคนคิดทำโปรเจ็คแบบพอเพียงและมีทุกสิ่งอันรวมอยู่ในที่เดียว แล้วยังมีใจเอื้อเฟื้อสนับสนุนชุมชนและศิลปิน โดยได้คุณภาพออกมาดีแบบนี้ ต้องขอคารวะว่าเก่งจริงๆ ที่สำคัญวันนี้เป็นการค้นพบสถานที่เที่ยวแห่งใหม่ครบเครื่องที่ซุกซ่อนอยู่ในป่าเขาอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมี และคิดว่าคงไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้แน่นอน ต้องถอดหมวกก้มหัวให้เลยค่ะว่าเหนือฟ้าจริงๆ

ป.ล. ช่วงหน้าร้อนเขามีส่วนของโรงแรมที่เรียกว่า Bubble Room คือเป็นห้องที่ทำจากลูกบอลใสตั้งไว้ในสวนให้เรานอนชมดาวได้ทั้งคืนด้วย อันนี้น่าไปมาก สงสัยต้องหาโอกาสไปลองเช่นกัน

NO COMMENTS