เส้นทางเดินเขาเมื่อวันอาทิตย์นี้คือ ทะเลสาบ Wägitalersee เดินทางไปง่าย อยู่ไม่ไกลจากเมืองซูริก ใช้เวลาเดินไม่นาน แต่ถึงกับเหงื่อตกและต้องใส่เกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อตอนเดินกันทีเดียวเพราะทางชันและเดินยากมาก
อันที่จริงที่นี่ฉันเคยไปมาแล้วเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่ครั้งนั้นเดินไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ต้องตัดสินใจหันหลังกลับ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ในป่าลึกด้านบนจึงยังมีหิมะถล่มปิดทางอยู่ทำให้เราเดินไปต่อไม่ได้ ทำให้เจ็บใจนัก และอยากจะรู้เห็นให้ได้ว่าวิวข้างบนมันเป็นอย่างไร ครั้งนี้หน้าร้อนจึงกลับไปเดินแก้มือกันใหม่
ทะเลสาบนี้เป็นทะเลสาบที่คนใช้เล่นเรือ เราจึงเห็นท่าจอดเรือ มีเรือที่ทั้งจอดอยู่และแล่นอยู่ในทะเลสาบหลายลำ คาดว่าน้ำคงลึกเพราะเป็นทะเลสาบที่เกิดจากการสร้างเขื่อน ไม่เห็นมีคนว่ายน้ำเล่นเลย และรอบๆก็ไม่มีชายหาดให้คนไปนอนผึ่งได้ สวิตเซอร์แลนด์นี้มีทะเลสาบเยอะก็จริง แต่ว่าแต่ละแห่งก็จะเหมาะกับการใช้งานต่างกันไป บางแห่งเหมาะกับการว่ายน้ำเหมือนไปทะเล บางแห่งเอาไว้ตกปลา และบางแห่งก็เอาไว้เล่นเรืออย่างเช่นที่ Wägitalersee นี้ รอบทะเลสาบมีถนนเล็กๆโดยรอบ คราวก่อนเราเดินไปตามถนนนี้จนครบรอบทะเลสาบเลยทีเดียว
คราวนี้เรารู้เส้นทางอยู่แล้วว่าจะเดินทางไหนเพื่อแก้มือ แค่ทางขึ้นก็โหดมากแล้ว มันทั้งชันและเต็มไปด้วยก้อนหินร่วนๆก้อนคมโต ต้องขับเคลื่อนสี่ล้อกันตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว พอปีนถึงด้านบนก็เหนื่อยแฮ่กแต่ยังไม่หมด เพราะนี่เป็นเพียงแค่เริ่มต้น เราต้องไต่ต่อไปตามเส้นทางสูงในป่าสนอีก
จากนั้นก็เป็นเส้นทางในป่าทึบที่เต็มไปด้วยก้อนหินคมๆเต็มทาง ต้องตั้งใจเดินให้ดีทีเดียว เดินมาถึงช่วงที่เราเคยเจอหิมะถล่มปิดทาง ตอนนี้ไม่มีหิมะแล้วแต่กลายเป็นโคลนเดินลื่นค่อนข้างยาก และเลียบขอบผาชันด้วย ก็หวาดเสียวเล็กน้อย แต่บางช่วงเขามีการทำสะพานซุงไม้ไว้ให้เดิน
ในป่ามีลำธารไหลผ่านเป็นระยะ ซึ่งเป็นน้ำที่ไหลจากน้ำตกผ่านลงมา ตรงริมลำธารหนึ่งเราเจอครอบครัวมาก่อไฟย่างไส้กรอกปิกนิกกันน่าสนุก ฉันกัดฟันเดินผ่านไต่สูงขึ้นไปอีกจนกระทั่งถึงจุดสูงสุดด้านบน เป็นภูเขาเตียนปกคลุมไปด้วยหญ้าเขียวให้วัวเดินเล็ม และมีโรงนาหลังใหญ่อยู่สองหลัง ท่าทางจะเป็นโรงนาแบบที่ไม่มีไฟฟ้าและน้ำใช้ เหมือนกับจะเป็นที่ๆชาวนาเอาวัวขึ้นมาเลี้ยงในช่วงหน้าร้อนเท่านั้น มองไปรอบๆ เอท่าทางไม่เห็นจะสวยเท่าไรเลย โล่งๆ
แต่พอไต่ต่อไปจนถึงระดับเดียวกับโรงนาเท่านั้นแหละ โอ้โฮ วิวรอบตัว 360 องศาเลย ข้างบนนี้มองไปเห็นทะเลสาบข้างล่างสวยมากทีเดียว ฉากหลังเป็นทิวเขาซ้อนกัน อีกด้านเป็นป่าเขียวครึ้ม สวยสงบแบบสวิสมากๆ แทบไม่มีคนอื่นเลยนอกจากเรา นี่คือความเป็นสวิสอย่างที่สุด นิ่ง สงบ ธรรมชาติ ติดดิน (แม้จะสูง) ทุกครั้งที่มาเดินเขาสูงตระหง่านของสวิสนี้ ฉันจะรู้สึกอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่สุด เพราะรู้สึกว่ามนุษย์เรานั้นตัวเล็กนิดเดียว
อันที่จริงเราอยากจะเดินต่อไปอีกให้ถึง Grosser Aubrig แล้ววนกลับอีกทาง แต่ถ้าไปตามนั้นจะต้องใช้เวลาอีกมากทีเดียวแล้วเด็กเริ่มงอแง เราจึงกลับลงมาตามเส้นทางเดิม ขาลงนี้ยิ่งยากสำหรับฉันเพราะว่าเป็นคนกลัวการเดินลง แล้วก้อนกรวดก็ลื่นมาก แต่ก็ตั้งใจเดินผ่านลงมาได้ เหงื่อออกเต็มตัว ดีใจเลยว่าวันนี้คงเผาผลาญไปเยอะอยู่ ทั้งหมดใช้เวลาเดินไปกลับ 3 ชั่วโมงพอดี สรุปคือก็ได้พิชิตเส้นทางที่อยากจะพิชิตในคราวที่แล้วเรียบร้อยแล้วจนถึงด้านบน ได้เห็นด้านบนสมใจแล้วว่าวิวเป็นอย่างไร แต่ก็ยังไม่ได้วนจนครบวงกลับลงมาจากอีกทางหมู่บ้านหนึ่งได้ แต่ถ้ากลับมาแก้มือที่นี่อีกเป็นครั้งที่สามอาจจะต้องวางแผนมาเล่นเรือในทะเลสาบพ่วงไปด้วยจะได้มีกิจกรรมแปลกๆเพิ่มเข้ามาอีก เพราะวิวทะเลสาบนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งที่สวยสงบจริงๆ
adventure จริงๆ แต่ก็สวยคุ้มเหนื่อยอยู่นะคะ
adventure จริง แต่ก็สวยคุ้มเหนื่อยนะคะ
Comments are closed.