เที่ยวเหนือฟ้าทริปสุดท้ายของปี ขอไปนอนใน Igloo ถ้ำน้ำแข็งบนยอดเขา แช่ Hot tub กลางหิมะ เดิน Snow-shoeing กลางหมู่ดาว และสกีส่งท้ายปีเก่า
ตั้งแต่ Ice Hotel แห่งแรกเปิดที่สวีเดนฉันก็อยากจะไปนอนค้นหาประสบการณ์นี้มาก แต่จนแล้วจนรอดผ่านไปเป็น 10 ปีก็ยังไม่ได้ไป จนเดี๋ยวนี้มีโรงแรมที่สร้างด้วยน้ำแข็งเกิดขึ้นหลายแห่งในโลกแล้ว ส่วนมากจะอยู่ที่สแกนดิเนเวีย แต่ก็ยังหาจังหวะไปไม่ได้เสียที สองปีก่อนค้นพบว่าที่สวิตเซอร์แลนด์นี้มีการสร้างโรงแรมน้ำแข็งในช่วงหน้าหนาวเหมือนกัน ชื่อว่า Iglu-Dorf หรือแปลว่าหมู่บ้าน Igloo นั่นเอง มีอยู่ 7-8 แห่งกระจายกันไปตามยอดเขาซึ่งเป็นบริเวณสกีต่างๆของสวิตเซอร์แลนด์และมีในเยอรมนีด้วย ก็หมายมั่นปั้นมือเอาไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะไป แต่เดินทางเยอะ หาไม่ได้เวลาเสียทีจนหมดซีซั่น พอปีนี้เข้าหน้าหนาวปุ๊บเลยรีบจัดวันจองทันทีโดยเลือกไปนอน Igloo ที่เมือง Gstaad ซึ่งเป็นบริเวณสกีของสวิตเซอร์แลนด์ที่ฉันชอบที่สุดอยู่แล้ว (ใครอยากอ่านเรื่องท่องเที่ยวของเมือง Gstaad แบบเต็มๆ อ่านได้ในหนังสือ เที่ยวยุโรปแบบเหนือฟ้า ปกหนังสือเป็นรูปเนินสกีของ Gstaad เลยทีเดียวเชียว
เราคุ้นเคยกับเนินสกีที่นี่ดีอยู่แล้วจึงวางแผนควบที่จะสกีสองวันไปด้วยเลย โดยนอนค้างใน Igloo หลังจากสกีวันแรกเสร็จ เขานัดเจอกันที่ร้านอาหารบนยอดเขา 4 โมงครึ่งตอนเย็น เราสกีเต็มวันเสร็จแล้วก็ไปตามนัด แล้วพนักงานก็พาแขกทั้งหมดเดินไต่หิมะลงมาที่ Iglu-Dorf ซึ่งมองเห็นอยู่ข้างล่างไม่ไกล ส่วนเราสองคนไถสกีลงมาเลย เพราะรู้จักคุ้นเคยดีอยู่แล้ว บาร์ตรงนี้ก็เคยมานั่งดื่มชมพระอาทิตย์ตกกันแล้วเมื่อสามปีก่อน พอทุกคนลงมาครบแล้ว ก็จับจองที่นั่งตรงมุมชมพระอาทิตย์ตกแล้วรับแจก Gluhwein ร้อนๆ ได้ถ่ายรูปชมวิวดื่มไวน์อุ่นๆคุยกันจนพระอาทิตย์ลับตา เป็นการชิลล์จบวันหลังจากสกีมาอย่างเข้มข้นทั้งวันหกกว่าชั่วโมง
หลังจากนั้นพนักงานก็พาเดินชมบริเวณโดยรอบ Igloo ในส่วนห้องพักทำเป็นถ้ำน้ำแข็งเป็นห้องๆเรียงกันไปเหมือนโรงแรม มีทั้งหมด 11 ห้อง แต่ละห้องจะมีประติมากรรมน้ำแข็งแกะสลักประดับไม่เหมือนกัน เขาเลยให้ทุกคนได้เดินชมทุกห้อง จะได้เป็นการชื่นชมงานศิลปะที่เชิญเอาศิลปินจากฟินแลนด์มาแกะสลักไว้ด้วย ห้องส่วนมากมีแต่เตียงนอนซึ่งเป็นเตียงน้ำแข็งเท่านั้น มีทั้งห้องคู่และห้องรวมนอนได้ถึงหกคน แต่ของฉันขอจองพิเศษหน่อยเป็นห้องที่มีอ่างล้างมือและสุขภัณฑ์ส่วนตัวด้วย คือเรื่องห้องน้ำนี่มันเรื่องใหญ่ ห้องแบบนี้เรียก Romantic Igloo Plus
ในส่วนอาคารใหญ่หรือถ้ำรวมนี้นอกจากเป็นส่วนของห้องพักแล้วยังมีห้องน้ำรวมสำหรับห้องนอนที่ไม่มีห้องน้ำในตัว มีส่วนของบาร์และห้องอาหารสำหรับทานข้าวเย็น และมีห้องซึ่งเอาไว้จัดงานหรืออีเวนท์ได้ด้วย ด้านหลังของอาคารใหญ่นี้เปิดทะลุออกไปมีห้องซาวน่าซึ่งเปิดเอาไว้ร้อนจี๋ และมีอ่างจากุซซี่ตั้งอยู่กลางหิมะเปิดน้ำอุ่นร้อนจี๋รอเราอยู่แล้ว ส่วนนอกอาคารอีกด้านหนึ่งเป็นบาร์เอาท์ดอร์ตรงจุดชมพระอาทิตย์ตก และใกล้ๆกันยังมีห้องนั่งเล่นรวมซึ่งมีเตาผิงอยู่ตรงกลาง เป็นห้องซึ่งให้ความอบอุ่นหลบความหนาวจากห้องนอนน้ำแข็ง
พอทุกคนได้รับการแจ้งว่าใครนอนห้องไหนแล้ว ก็มานั่งที่ห้องอาหาร ดื่มและคุยกันก่อนอาหารเย็น มีบริการ cheese board มีชีส ซาลามี่ ผลไม้แห้งยกมาเสิร์ฟพร้อม Prosecco คนละแก้ว
พอสองทุ่มก็มีพนักงานมาพาไปเดิน Snow-shoeingท่ามกลางความมืดและแสงดาวบนเนินหิมะและแนวป่าใกล้ๆ Igloo เขามีsnow shoe หรือรองเท้าเดินหิมะเตรียมเอาไว้ให้เสร็จสรรพ ทุกคนต้องเดินเรียงเดี่ยวแถวตอนตามไกด์ด้านหน้าไปและมีคนปิดท้ายแถว บริเวณที่เดินไม่ไกลเลยแต่ใช้เวลานานประมาณเกือบชั่วโมงเพราะต้องใช้พลังในการเดินพอควร เป็นการออกกำลังกายอีกรอบที่เรียกเหงื่อและทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมาเองอย่างดีมาก พอดีเป็นคืนเดือนมืดจึงเห็นดาวกระจ่างชัดเต็มท้องฟ้าไปหมด อยู่บนยอดเขาสูงก็คิดไปเองว่าเห็นดาวชัดขึ้นเพราะมันใกล้ ตรงแนวป่าเราเห็นรอยเท้าของหมาป่าด้วย ไกด์บอกว่าบนเขานี้มีสัตว์ป่าอยู่ตามธรรมชาติพอควร แถมมีหมีอยู่ด้วยหนึ่งตัว!
Snow-shoeing เสร็จแล้วฉันก็จะต้องปฏิบัติพิธีกรรมประจำหลังสกีก่อน ก็คือการลงไปแช่ในบ่อน้ำร้อนจากุซซี่นั่นเอง เพราะมันคือการผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ใช้งานมาทั้งวันอย่างดีที่สุด และการลงไปแช่ในน้ำร้อนจัดๆกลางหิมะและอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศานี้คือความสบายอย่างสุดยอดจริงๆ เสร็จแล้วไปเข้าห้องซาวน่าอีกหน่อยแล้วจึงพร้อมแต่งตัวไปทานอาหารเย็น ทีนี้ร่างกายก็อุ่นเบาสบาย อาหารเย็นแน่นอนจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากชีสฟองดูว์ อาหารสวิสแท้และเหมาะกับอากาศแบบนี้ที่สุด ที่นี่เขาเสิร์ฟมาเรียบง่ายมาก มีแค่ชีสหนึ่งหม้อกับขนมปังเท่านั้น ไม่มีเครื่องเคียงอื่นๆอะไรเลย แต่ว่าตัวชีสเขาอร่อยจริงๆ ทานแล้วหยุดไม่ได้เลย
ทานอิ่มแล้วก็ไปนั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมซึ่งมีเตาผิงอุ่นๆ กะว่าต้องทำร่างกายให้อุ่นเก็บความร้อนไว้เต็มที่ก่อนเข้านอน พอง่วงเข้าห้องนอนก็รู้สึกว่ามันเย็นมาก บนเตียงน้ำแข็งมีขนสัตว์ปูเอาไว้หนาและมีถุงนอนคู่ปูเอาไว้ให้ แต่เราก็รู้สึกว่ามันยังเย็นอยู่ ฉันจึงใส่ชุดที่ใส่เอาไว้ด้านในชุดสกีนอนเลย ไม่สามารถใส่ชุดนอนอย่างเดียว จะว่าไปมันก็ไม่ได้หนาวทรมานมากเพราะถุงนอนเก็บความร้อนของร่างกายเราไว้ได้ดีทีเดียว เพียงแต่นอนถุงนอนคู่มันก็จะไม่ค่อยสบายเพราะพอคนหนึ่งขยับตัวถุงมันก็เปิดเอาอากาศเย็นเข้ามา จะปิดทั้งหมดก็หายใจไม่ออก แต่ฉันก็นอนตัวงอเป็นกุ้งหลับจนถึงเช้า 8 โมงตอนเขามาปลุกให้ไปทานอาหารเช้าเลยทีเดียว
อาหารเช้าเสิร์ฟที่ร้านอาหารบนยอดเขาที่นัดเจอกันเมื่อวาน เป็นบุฟเฟ่ต์ที่เขาจัดเอาไว้ให้แขกที่มาพักโรงแรมโดยเฉพาะ จึงได้ทานอาหารเช้าแบบอุ่นสบายไม่ทรมานแล้วทีนี้ หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกัน แขกส่วนมากไม่เห็นว่ามาสกีอย่างเรา เหมือนแค่มาพักเอาประสบการณ์เฉยๆ และมีครอบครัวพาเด็กเล็กมาด้วย 2-3 ครอบครัว เด็กๆแลดูสนุกกันมาก เป็นประสบการณ์ที่น่าพาเด็กๆมาจริงๆ ส่วนเราขอสกีต่ออีกหนึ่งวัน
ในที่สุดฉันก็ได้นอนโรงแรมถ้ำน้ำแข็งอย่างที่ฝันเอาไว้ ราคาค่าห้องคิดเป็นหัวคนละประมาณ 10,000 บาทนี้รวมอาหารเย็น อาหารเช้า ดริ้งค์ต้อนรับที่บาร์ด้านนอก และมื้อก่อนอาหารเย็น และกิจกรรมเดิน snow-shoeingตอนกลางคืน เป็นประสบการณ์ที่ดีส่งท้ายปีใหม่ แต่เพื่อนบอกว่าอยู่ดีๆอุ่นๆไม่ชอบ หาเรื่องเสียเงินไปทรมานตัวเอง 55555
How to get there
Iglu-Dorf มีหลายแห่งทั้งในสวิตเซอร์แลนด์และเยอรมนีห้องมีให้เลือกหลายแบบ ต่างราคากันไป