เมืองในอิตาลีที่ฉันเคยมาบ่อยครั้งมากที่สุดน่าจะเป็นเมือง Turin แต่ก็ไม่เคยเขียนเล่าเกี่ยวกับเมืองนี้อย่างจริงจังเสียที วันนี้ฉันนัดกินข้าวกับกัลยาณมิตรที่อยู่ตูรินมาหลายสิบปีชื่อพี่เบียร์ เม้าท์มอยอัพเดตชีวิตกันจบแล้วฉันจึงขอพี่เบียร์ให้พาไปดูประตูปีศาจที่เคยเห็นพี่เบียร์เล่าผ่านๆในเฟสบุ๊ค

อันประตูที่เรียกกันว่า The Door of the Devil แห่งตูรินนี้ เป็นประตูไม้หนาหนักแกะสลักสวยงามสำหรับเปิดเข้าไปในตึกซึ่งปัจจุบันเป็นธนาคาร Banca Nazionale del Lavoro ตรงกลางประตูมีโลหะหล่อเป็นห่วงสำหรับเคาะประตูแบบบ้านฝรั่งทั่วไป แต่เจ้ารูปหล่อโลหะนี่แหละ มันเป็นรูปใบหน้าของปีศาจ มีเขา คิ้วขมวด ตาเขม็ง ตรงปากมีงู 2 ตัวออกมาขดเป็นวงม้วนงับกันกลายเป็นห่วงสำหรับเคาะประตู ว่ากันว่าตอนที่ตึกนี้ถูกสร้างขึ้นมาครั้งแรกในศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นวังที่อยู่ของท่านเค้านท์นั้น ขณะที่ตึกกำลังก่อสร้างยังไม่เสร็จ อยู่ดีๆเช้าขึ้นมาก็มีเจ้าประตูนี้มาจากไหนไม่รู้ติดตั้งเรียบร้อยไม่มีใครรู้เรื่อง เขาจึงว่ากันว่ามันเป็นประตูซาตาน อีกเรื่องเล่าก็ว่าคืนหนึ่งมีพ่อมดฝีมืออ่อนคนหนึ่งฝึกเวทมนต์ แต่ด้วยความอ่อนหัดจึงต้องไปขอให้ซาตานช่วย ซาตานรำคาญจึงสาปขังพ่อมดนั้นไว้ในประตูนี้ แต่เรื่องจริงนั้นก็คือประตูนี้ถูกทำขึ้นในปารีสโดยคำสั่งของท่านเค้านท์เจ้าของวังนั่นเอง ไม่ได้ล่องหนมาเองจากไหนแต่ต่อมาก็มีเหตุการณ์ฆาตกรรมเกิดขึ้นในตึกนี้สองครั้ง ในศตวรรษที่ 19 ช่วงที่ตูรินถูกปกครองโดยฝรั่งเศสนั้น มีทหารฝรั่งเศสยศนายพันคนหนึ่งจะไปส่งสาส์นลับแล้วแวะเข้าไปในตึกนี้ก่อน จากนั้นก็สาบสูญไปไม่เคยกลับออกมาอีกเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน หาก็ไม่เจอ จนเวลาผ่านไป 20 กว่าปี มีการทุบบูรณะตึกนี้ จึงพบว่าในกำแพงปูนด้านหนึ่งมีโครงกระดูกคนโดนฝังโบกปูนทับในท่ายืนอยู่ และโครงกระดูกนั้นก็สวมเครื่องแบบนายทหารอย่างครบเครื่อง!

ฆาตกรรมอีกครั้งเกิดในศตวรรษที่ 18 เย็นนั้นมีการจัดปาร์ตี้ใหญ่ในตึก คนมางานเยอะมาก รวมทั้งนางระบำคนหนึ่ง คืนนั้นพายุถล่มเมืองอย่างรุนแรง ฝนตก ลมกระโชก ฟ้าผ่าฟ้าร้อง จนทำให้ไฟดับวูบลงในเมือง เมื่อไฟในงานปาร์ตี้กลับสว่างขึ้น คนในงานก็พบว่านางระบำคนนั้นได้นอนเสียชีวิตเพราะถูกแทงเสียแล้วในงาน โดยไม่มีใครสามารถจับตัวฆาตกรได้ อาวุธที่แทงก็ไม่มีให้เห็น พอวันรุ่งนี้ก็มีรูปภาพผู้หญิงเต้นระบำอยู่บนเปลวไฟในนรกปรากฎขึ้นในตึก ซึ่งมันมาจากไหนก็ไม่มีใครรู้

พี่เบียร์เล่าอีกว่า ในสมัยก่อนมีอยู่ช่วงหนึ่งตึกนี้เคยเป็นโรงงานผลิตไพ่ทาโร่ต์ด้วย ที่น่าแปลกก็คือในช่วงเวลานั้น หมายเลขบ้านของตึกนี้คือเลข 15 ซึ่งบนไพ่ทาโร่ต์ ไพ่หมายเลข 15 นั้นคือไพ่ซาตานค่ะ! และที่แปลกก็คือ รถรางที่แล่นผ่านตึกนี้ในตอนนี้คือรถรางสาย 15!

พี่เบียร์เล่าต่อว่า หลายเดือนก่อนได้บังเอิญมาธุระในเมืองตูรินแล้วได้ที่จอดรถที่ต้องเดินผ่านตึกนี้พอดี ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แต่พอเดินใกล้จะถึงตึกก็เกิดนึกถึงเรื่องลึกลับของประตูปีศาจนี้มาได้ อะไรก็ไม่รู้ดลใจให้เดินไปดูประตู ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ 15! พอไปยืนดูรูปปีศาจที่ประตูก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า พรุ่งนี้หวยออก มันต้องออกเลข 666 อันเป็นเลขประจำตัวปีศาจซาตานแน่ๆ ดูแล้วก็ขนลุกพี่เบียร์เลยรีบเดินจากไป และตัดสินใจไม่ซื้อล็อตเตอรี่ เพราะกลัวถูกขึ้นมาแล้วจะติดหนี้ซาตาน ปรากฎว่า… ใช่ค่ะท่านผู้ชม วันรุ่งขึ้นล็อตเตอรี่อิตาลีออกเลข 666 จริงๆ บรื๋ออออ แต่พี่เบียร์บอกว่าไม่เสียดายรางวัลเลย พูดติดตลกอีกว่า เป็นคนที่ถ้าแทงหวยก็ซื้อนิดหน่อย ถูกขึ้นมาก็คงได้ไม่กี่หมื่นบาท ถ้าต้องขายวิญญาณเป็นทาสซาตานไปตลอดชีวิตกับเงินแค่นั้น ไม่เอาอะ ไม่คุ้ม

เล่าจบเราก็มาถึงตึกธนาคารพอดี ประตูเขาเปิดค้างอ้าเอาไว้ จึงไม่เห็นมือเคาะหน้าปีศาจชัดเจนแต่แรก ฉันต้องเดินเข้าไปจึงถ่ายรูปได้ ใบหน้านั้นฉันก็ดูไม่ออกหรอกว่าเป็นหน้าปีศาจหรืออะไร แต่ว่าเขาไม่เป็นมิตรแน่ๆ โลหะหล่อเก่าแก่สีเข้มกลืนกันไปหมด และขนาดไม่ใหญ่มาก ฉันเกรงใจเขา กลัวเจ้าหน้าที่ธนาคารจะงง จึงรีบถ่ายรูปแล้วเดินออกมา ในขณะนั้นจึงไม่ได้พิจารณาอะไรมาก และไม่ได้รู้สึกถึงพลังอะไรผิดปกติ พอมาดูรูปที่ถ่ายมาจึงได้พิจารณารายละเอียดโลหะหล่อใบหน้านั้นจริงจัง เป็นใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรเท่าไรเลย

เรื่องแบบนี้พูดยากเพราะมันพิสูจน์ไม่ได้ จริงๆแล้วฉันเองไม่กลัวผีเลย และไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้เท่าไร ชอบฟังเอาสนุกเท่านั้น แม้จะต้องยอมรับว่าตัวเองเคยเจอเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ 2-3 ครั้งในชีวิต ก็ยังไม่เชื่อและไม่กลัวผีอยู่ดี แต่ฉันเชื่อเรื่องพลังงานและมิติอื่นที่มนุษย์ไม่สามารถสัมผัสได้ และคิดว่าสักวันฟิสิกส์จะต้องแกะโจทย์อธิบายปรากฏการณ์พวกนี้ออกแน่นอน แต่จากเรื่องนี้ก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่า เมืองตูรินนั้นมีชื่อเสียงเรื่องมนต์ดำมนต์ขาวและเหนือธรรมชาติต่างๆอยู่แล้ว เรียกว่าเป็นเมืองแห่งเวทมนตร์ของอิตาลีทีเดียว เป็นเมืองที่มีหมอดูมากที่สุด มีคนเห็นผีสางเทวดานางฟ้ามากที่สุด คนที่ทำเรื่องไสยศาสตร์ที่วาติกันยอมรับก็มาจากที่นี่ และผ้าห่อพระศพพระเยซูที่เป็นปริศนาก็ประทับอยู่ที่นี่ ฉันมานอนเมืองนี้ไม่รู้จักกี่ครั้งไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย นี่ถ้าเป็นคนกลัวผีคงไม่กล้ากลับมาอีกแน่ๆเลย

NO COMMENTS