เมื่อสองสามปีก่อนฉันเคยไปเที่ยวสถานที่อันซีนแห่งหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่พอมาเล่าให้ฟังแล้วแฟนๆชอบกันมาก สถานที่นั้นก็คือ Kartause Ittingen กุฏิเก่าของพระที่ปัจจุบันนำมาดัดแปลงเป็นร้านอาหารพิพิธภัณฑ์และสถานที่จัดแสดงงานศิลปะในคันโตน Thurgau นั่นเอง
เมื่อสัปดาห์ก่อนฉันได้กลับไปสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 ที่ไป และก็เพิ่งหนนี้แหละที่ได้ซื้อตั๋วเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ข้างใน แล้วก็ประทับใจจนถึงกับต้องมาเล่าให้ฟังเพิ่มเติม สำหรับเรื่องราวครั้งแรกที่ไปซึ่งอธิบายเกี่ยวกับสถานนี้ไว้อย่างละเอียด อ่านดูได้ที่ลิ้งค์นี้
ส่วนเรื่องนี้ฉันขอพาชมเฉพาะในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่มากเกือบพันปีทีเดียว ดูจากข้างนอกขนาดไม่ใหญ่เลย แต่พอเข้าไปจริงโอ้โห…มีห้องหับให้ชมมากมาย รวมทั้งมีโบสถ์แบบบาโร้คที่สวยงามตะลึงตึงๆมากๆด้วย มันหยดย้อยและตกแต่งเป็นโทนสีฟ้าขาวพาสเทล หยาดหยดจริงๆ โบสถ์นี้นับว่าเป็นหัวใจของ Kartause Ittingen เลย และปัจจุบันก็ยังมีการใช้งานทำพิธีบ้างเช่นกันเวลาพิพิธภัณฑ์ปิด
อีกห้องหนึ่งที่ตกแต่งสวยมากๆก็คือห้องกินอาหารรวมกันของพระ เพดานเป็นไม้แกะทาสีม่วงเขียวและทองสวยงาม ผนังไม้ด้านล่างทาเป็นสีม่วงอมชมพูอ่อนๆ แบ่งเป็นช่องโดยในแต่ละช่องวาดสีเป็นจิตรกรรมเอาไว้ ส่วนด้านบนมีภาพวาดของนักบุญต่างๆประดับรอบ โดยที่มีความพิเศษคือหัวมุมด้านบนของแต่ละรูปจะมีภาพชีวิตของนักบุญรูปนั้นที่เคยทำความดีหรือความสำคัญอะไรไว้ สะท้อนให้เห็นเหมือนเป็นรูปวาดอยู่ในรูปวาดอีกชั้นหนึ่งด้วย แปลกดี แต่ที่ฉันชอบและสนใจเป็นพิเศษก็คือโต๊ะยาวที่พระใช้กินอาหารกันนั่นเอง ด้วยว่าโต๊ะนี้มีปีกกางออกมาได้ทั้งสองด้าน เมื่อพับไว้ก็จะเป็นโต๊ะแคบ เมื่อคลี่ปีกออกก็จะเป็นโต๊ะที่กว้างขึ้น ฉันเป็นคนชอบเฟอร์นิเจอร์เครื่องเรือนอยู่แล้วโดยเฉพาะของโบราณ ชอบดูเวลาช่างสมัยก่อนเขาออกแบบกลไกควบคุมเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเหล่านี้ให้ปรับการใช้งานได้หลากหลาย นอกจากจะดูสนุกเหมือนของเล่นแล้วมันยังสะท้อนวิถีชีวิตการใช้งานของคนสมัยก่อนอีกด้วย
นอกจากนั้นเราก็ได้ดูห้องนอนเก่าของพระอีกหลายห้อง แต่ละห้องกว้างขวางทีเดียว พระจะอยู่อย่างสันโดษในห้องของตัวเองอย่างนี้ทั้งวันโดยจะออกจากห้องเพียงแค่วันละสามครั้งเท่านั้นเพื่อไปทำพิธีมิสซา แต่ละห้องมีส่วนห้องนั่งเล่นทำงานอยู่ด้านนอก ด้านในสุดเป็นห้องที่ใช้สวดมนต์มีแท่นบูชา แต่ที่ฉันว่าแปลกน่าสนใจก็คือเตียงนอน เพราะเขาเอาเตียงไปซ่อนอยู่ในตู้ที่คั่นระหว่างห้องทำงานกับห้องสวดมนต์ โดยที่ตู้นี้มีประตูเปิดออกได้จากห้องทั้งสองฝั่ง ถ้าปิดบานประตูตู้ไว้ก็จะนึกว่าเป็นตู้เสื้อผ้าเก็บของธรรมดา แต่พอเปิดออกมาจึงเห็นว่ามีฟูกและหมอนปูอยู่ด้านในบนพื้นตู้ที่ยกสูงขึ้นมา ฉันสงสัยจริงๆว่าทำไมเขาจึงเข้าไปนอนอยู่ในตู้แคบๆมืดๆแบบนั้น หรือว่าเขาจะฝึกนอนในโลงศพ ใครรู้ช่วยบอกฉันที
ห้องที่สำคัญอีกห้องคือห้องของพระผู้ดูแลรักษาสถานที่ เป็นห้องหัวมุมดูใหญ่โตโก้โอ่อ่ากว่าห้องนอนพระอื่นๆ และมีวิวที่สามารถมองไปเห็นสวนและฟาร์มได้ ห้องนี้ก็มีเตียงนอนซ่อนอยู่ในตู้ระหว่างห้องทำงานกับห้องสวดมนต์เช่นกัน
บรรดาเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ที่นีนี้่ก็เป็นอะไรที่ฉันชอบมากเลย เพราะเป็นไม้ที่ทาสีสวยหวานและวาดลวดลายอย่างละเอียดลงไป พวกตู้และลิ้นชักของเขาจะมีช่องเล็กช่องน้อยแปลกประหลาดไม่เหมือนปกติ ฉันเป็นคนซนสอดรู้สอดเห็นโดยเฉพาะเกี่ยวกับพวกเฟอร์นิเจอร์ เวลาเห็นบานตู้หรือลิ้นชักอะไรแปลกๆจะชอบไปเปิดของเขา จึงสนุกมากในการแอบเปิดดูตู้ต่างๆ พวกมือจับหรือกลอนของตู้และประตูเขาก็ทำสวยมากจริงๆ เป็นรูปนกบางปลาบ้าง ช่างใส่ใจในรายละเอียด สนุกจริงๆ
นอกจากส่วนที่จัดแสดงห้องนอนของพระและโบสถ์แล้วยังมีส่วนของอาคารที่เขาใช้จัดแสดงนิทรรศการศิลปะด้วย เพราะที่นี่เขาสนับสนุนศิลปะทุกอย่าง มีการจัดคอร์สและจัดคอนเสิร์ตอยู่เรื่อยๆด้วย และยังมีห้องที่ใช้เกี่ยวกับการนั่งสมาธิจัดคอร์สอบรมเรื่องจิตวิญญาณต่างๆอีกด้วย
สุดท้ายเราก็แวะกินอาหารที่ร้านอาหารที่นี่เหมือนทุกครั้ง เพราะนอกจากจะอร่อยแล้วเขายังเน้นใช้เครื่องปรุงที่ปลูกเองหรือหาได้ในบริเวณไม่ไกลเพื่อเป็นการลดโลกร้อนอีกด้วย ไปที่นี่ทีไรก็มีความสุขทุกครั้ง เป็นอันซีนของสวิตเซอร์แลนด์ที่แนะนำแล้วแนะนำอีกจริงๆ