อันที่จริงอาหารแถวอเมริกากลางก็คล้ายกันหมดทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคอสตาริก้า นิคารากัว กัวเตมาลา โคลอมเบีย ปานามา หรือเปรู ที่จะแตกต่างออกไปก็คือเม็กซิโกกับบราซิลซึ่งจะมีความเฉพาะตัวกว่า และไม่อยากจะบอกเลยว่า ถึงแม้ฉันจะรักละตินอเมริกาขนาดไหน ก็ต้องยอมรับว่าอาหารแถวนี้มันธรรมดาเสียจริงๆ คนแถวนี้ชอบทานเนื้อเอามากๆ เมื่อก่อนฉันก็ชอบทานสเต๊กแต่เดี๋ยวนี้อายุมากแล้วมันไม่ย่อย และไม่รู้สึกอร่อยเหมือนเมื่อก่อน จึงจะให้กินทุกวันมันก็ไม่ไหว แต่ที่ไม่ค่อยถูกจริตเลยก็ตรงที่เขากินคาร์โบไฮเดรตกันเยอะเหลือเกิน ในหนึ่งจานมาทั้งข้าว ถั่วดำหรือถั่วแดง มันฝรั่ง ข้าวโพด กล้วย แล้วยังมีแป้งเป็นแผ่นจำพวกทาโก้หรือนาโช่อีก ดีไม่ดีมีพวกตระกูลหัวเผือกหัวมันเช่น Yuka มาอีก ฉันจะเลือกกินเพียงแค่นิดหน่อยอย่างเดียว เลยเหลืออาหารติดจานเยอะประจำ
อาหารที่ถูกปากหน่อยเพราะกินแล้วไม่อิ่มมากและรสชาติจัดจ้านคล้ายอาหารไทยก็คือ Cerviche หรือยำปลาดิบนั่นเอง ส่วนมากจะใช้ปลาเนื้อขาวแต่บางครั้งก็อาจจะเป็นกุ้งได้บ้าง อันนี้ชอบเลย เบาท้องและไม่อ้วน
ส่วนองค์ประกอบที่ชอบมากทำให้เอาตัวรอดได้ทุกมือก็คืออาโวคาโด ของเขาลูกโตเนื้อหนา รสชาติไม่ได้มันมากเหมือนของออสเตรเลียหรือแคลิฟอร์เนีย แต่ก็อร่อยกว่าของบ้านเรามากทีเดียว และมีที่นำมาบดเป็นเหมือนกับ guacamole ของเม็กซิกัน กินแกล้มกับสลัดหรืออาหารจานอื่น ถ้ามีอาโวคาโดบดแบบนี้มาแล้วก็สบายเลย อิ่มอร่อยแน่
ที่คอสตาริก้านี้ค้นฉันพบอาหารประจำชาติอย่างหนึ่ง เขาเรียกตรงๆ ว่า Rice and shrimp หรือ Rice and chicken ก็ได้ มันคือข้าวผัดกุ้งหรือข้าวผัดไก่เราดีๆ นี่เอง ทำไมถึงเหมือนกันได้ขนาดนี้หนอ
และมีจานประจำชาติอีกอย่างหนึ่งซึ่งฉันกินทุกวันเป็นอาหารเช้า เรียกว่า Gallo Pinto มันคือข้าวผัดกับถั่วดำ แลดูง่ายๆ แค่นั้นแต่อร่อยมากทีเดียว ฉันจะสั่งไข่ดาวค่อนข้างสุกมาด้วย กินแล้วเหมือนกินข้าวคลุกไข่ดาวเลย สบายท้องมากๆ
ส่วนที่มีมาประจำในมื้อเช้าอีกอย่างคือชีสทอด เป็นชีสสีขาว ที่นิคารากัวเรียกว่า Nica cheese แต่ที่คอสตาริก้าก็มีเหมือนกัน อันนี้กินเปล่าๆ ก็อร่อย หยุดไม่ค่อยจะได้ และเวลาเขาทำไข่เจียวฝรั่งให้เรา ถ้าสั่งใส่ชีสเขาก็จะใส่ชีสขาวอันนี้แหละ ส่วนอาหารเช้าอื่นๆ ตามโรงแรมก็จะทำเหมือนอาหารฝรั่ง เช่นมีไข่ดาวไข่ลวกไข่เจียวให้เลือก แต่เวลาเสิร์ฟมาเขาก็มักจะมีอะไรที่มีความเป็นท้องถิ่นปนลงไปนิด เช่นไข่ดาวอาจจะมีซอสซาลซ่าเผ็ดๆ แนมมาให้
นอกจากนี้ถ้าไปกินอาหารทะเลเขาก็จะกินปลาทอดทั้งตัวคล้ายบ้านเรา หรือถ้าไปกินอาหารที่ฟิวชั่นเป็นฝรั่งนิดก็จะมีพื้นฐานเป็นอาหารท้องถิ่นเขาเป็นวัตถุดิบมาด้วย เช่นยังมีอาโวคาโด มะเขือเทศ พริกเ ป็นเครื่องปรุง และบางทีก็เป็นปลาดิบ Cerviche ที่ดัดแปลงมา
อาหารเม็กซิกันก็มีให้กินบ้าง ซึ่งเราก็ขอกินเบรคแก้เบื่ออยู่สองสามครั้งเพราะเป็นอาหารที่ชอบ ทีนี้ก็ใส่พริกได้สะใจเพราะอาหารเม็กซิกันจะเผ็ดกว่าอาหารของประเทศลาตินอเมริกาอื่นๆ
ส่วนเครื่องดื่มที่นี่เน้นรัม ของนิคารากัวมีรัมเรียกว่า Flor de Cana ทำจากอ้อย มีทั้งแบบสีขาวและสีน้ำตาล แบบสีออกน้ำตาลเข้มอร่อยกว่ากันเยอะเลย แต่มันแรงเหลือเกิน ฉันชอบเวลาเขาเอามาผสมในค็อกเทลมากกว่า ซึ่งค็อกเทลที่นี่ก็นิยมกันมาก แต่ละร้านอาหารแต่ละโรงแรมสร้างสรรค์สูตรเฉพาะตัวกันมีให้เลือกชิมอย่างสนุกไปเลย
ที่ประทับใจมากของนิการากัวคือสับปะรด สาบานได้ว่าเป็นสับปะรดที่อร่อยที่สุดในโลก กินเท่าไหร่ก็ไม่แสบลิ้นเลยและหวานฉ่ำมาก ดังนั้นอาหารต่างๆ จึงมีสับปะรดแนมมาเยอะ และค็อกเทลทั้งหลายก็มีสับปะรดเป็นส่วนผสมเยอะ ฉันนี่สั่ง Pina Colada แทบทุกวันเลย และเขายังมี Daiquiri หรือ Mojito ที่ใช้น้ำสับปะรดเข้าไปแทนที่น้ำมะนาวหลายส่วนด้วย อร่อยมากๆ เลย และดื่มแล้วไม่ค่อยเมา
ส่วนขนมที่ฉันกินได้กินดีก็คือ Flan หรือคาราเมลคัสตาร์ดที่รับสูตรและอิทธิพลมาจากสเปน แต่ว่าที่นี่เขาจะใส่เนื้อมะพร้าวและน้ำกะทิเข้าไปแทนนม ทำให้เนื้อเนียนนุ่มมากๆ ประมาณว่าเหมือนลูกครึ่งระหว่างสังขยาและขนมหม้อแกงนั่นเอง แต่มีซอสคาราเมลหวานหอมเข้มข้นมาด้วย อร่อยเป็นที่สุด
นี่คือขนาดอาหารยังไม่ถูกปากมากยังสรรหาของอร่อยถูกใจกินได้ทุกมื้อ ไปเที่ยวสองสัปดาห์กลับบ้านมาน้ำหนักขึ้นสองกิโลเลยทีเดียว