ในบรรดาประเทศยุโรปตะวันออกทั้งหมด โรมาเนียเป็นประเทศที่ฉันชอบมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เที่ยวต่างๆ ทั้งทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรม หรือธรรมชาติ และที่เด็ดที่สุดคือบรรดาโบสถ์โบราณที่มีมากมาย และล้วนแต่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก UNESCO

ประวัติศาสตร์สั้นๆ ก็คือ โรมาเนียเป็นประเทศใหม่อายุไม่ถึง 100 ปี เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรียฮังการี ซึ่งเมื่อจักรวรรดินี้ล่มสลายไปก็กลายมาอยู่ในจักรวรรดิออตโตมัน ดินแดนซึ่งเคยเป็นหัวใจของประเทศคือเขต Transylvania ซึ่งเคยเป็นส่วนปกครองของตนเอง และภายหลังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองภายใต้ราชวงศ์ Habsburgs ซึ่งมีอำนาจปกครองแผ่ไปทั่วยุโรป แต่เมื่อราชวงศ์นี้ล่มสลายไปแล้วภายหลังทรานซิลเวเนียก็ถูกปกครองโดยราชวงศ์จากเยอรมันอยู่ช่วงหนึ่ง จึงนับว่าประเทศนี้เคยถูกปกครองด้วยระบบกษัตริย์เช่นกันแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ

ต่อมาโรมาเนียได้เข้าร่วมกับเยอรมันในช่วงสงครามโลก ภายหลังเข้าร่วมมีสัมพันธ์กับรัสเซีย และถูกปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ ต่อมาในช่วงยุค ‘70 นายพล Ceaușescu ก้าวขึ้นสู่อำนาจ ได้นำประเทศเป็นอิสระแยกออกจากรัสเซีย และเป็นผู้นำเผด็จการปกครองประเทศอยู่หลายสิบปี ช่วงนั้นโรมาเนียยากจนมาก ติดหนี้ IMF และสถาบันการเงินโลกมากมาย นายพลเชาเชสกูต้องการปลดหนี้ให้ประเทศจึงใช้มาตรการหลายอย่างรีดเงินในประเทศเพื่อชำระหนี้ ทำให้พลเมืองในประเทศยิ่งยากจนมากขึ้นไปอีก ถึงแม้เขาจะประสบความสำเร็จในการปลดหนี้ให้ประเทศ แต่สุดท้ายประชาชนก็รับไม่ได้กับความยากจนที่สุดจะทนทาน จึงลุกฮือขึ้นปฏิวัติ และในที่สุดเขาก็ถูกนำไปประหารจากการปฏิวัติในปี 1989 นั้นเอง

หลังจากนั้นเพียงแค่ 30 ปีจนถึงปัจจุบัน ประเทศโรมาเนียก็ได้พัฒนาก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมากไปกว่าประเทศอื่นๆ ในยุโรปตะวันออก ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนมีความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างมาก ถึงแม้ปัจจุบันปัญหาคอร์รัปชั่นจะยังมีอยู่เหมือนกับประเทศเพิ่งพัฒนาทั้งหลาย แต่ก็นับว่าเป็นประเทศที่ก้าวหน้าไปกว่ายุโรปตะวันออกหลายประเทศ เพื่อนที่อยู่โรมาเนียเล่าให้ฟังว่าประเทศเขามีมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ที่ทันสมัยมากทีเดียว

เมืองหลวงของโรมาเนียคือบูคาเรสต์ เป็นเมืองใหญ่ที่ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นมากนักในแง่ศิลปวัฒนธรรม ฉันจึงใช้เวลาอยู่เพียงแค่คืนเดียว สภาพบ้านเมืองมีความคล้ายกับบูดาเปสต์ของฮังการีตรงที่มีร่องรอยของความอู้ฟู่รุ่งเรืองในอดีตเหลืออยู่ แต่ก็ถูกกลบกลืนแทรกปนไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบคอมมิวนิสต์ และเห็นความก้าวหน้าของตึกทันสมัยแบบใหม่ปะปนกับตึกเก่าทรุดโทรมที่ผู้คนอาศัยอยู่ เห็นได้ชัดว่าเวลานี้เป็นช่วงเวลาของรอยต่อที่ประเทศจะก้าวเข้าไปสู่ยุคใหม่แห่งการพัฒนา คงจะต้องรอดูต่อไปว่าเขาจะการผสมผสานเก็บศิลปวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมของสมัยเก่าไว้ให้กลมกลืนและก้าวล้ำไปในยุคใหม่ได้อย่างไร

ฉันเลือกพักโรงแรมที่อยู่ในใจกลางเมืองเก่าของบูคาเรสต์ อยู่บนถนนคนเดินซึ่งสามารถชมสถาปัตยกรรมเก่าอย่างเพลิดเพลิน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีอาคารที่ทรุดโทรมและถูกปล่อยทิ้งร้างไปมาก ในขณะที่ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จำเป็นก็คือบาร์ ร้านอาหาร ที่คอยรับนักท่องเที่ยว เราจึงได้เห็นชีวิตกลางคืนในสถาปัตยกรรมโบราณในเมืองเก่านี้คืกคักเป็นพิเศษแทบทุกคืนแม้จะเป็นช่วงที่เพิ่งเปิดจากโควิด และร้านอาหารทุกแห่งให้บริการได้เพียงบริเวณภายนอกที่เปิดโล่งมีอากาศถ่ายเทเท่านั้น

ถึงแม้บูคาเรสต์จะมีความประดักประเดิดของบรรยากาศและสถาปัตยกรรมระหว่างยุคคอมมิวนิสต์และยุคก้าวหน้าสมัยใหม่ และไม่ได้มีอะไรที่ตรึงเสน่ห์อย่างที่กล่าวมาแล้ว แต่ก็มีอยู่สิ่งหนึ่งซึ่งฉันค้นพบและประทับใจมาก และมันฝังตัวซ่อนอยู่โดยที่ไม่ได้เป็นจุดท่องเที่ยวหลัก นักท่องเที่ยวหลายคนอาจจะไม่เคยไปหรือรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่ ฉันเองก็ไม่ได้เจตนาจะไปชมด้วยซ้ำ แต่ด้วยความบังเอิญจึงค้นพบและทำให้ประทับใจอย่างไม่คาดฝัน สิ่งนั้นก็คือบรรดาโบสถ์เล็กจิ๋วที่กระจายกันอยู่ในเมืองนั่นเอง

ท่ามกลางตึกโบราณที่เก่าโทรมหากทิ้งร่องรอยความงามในอดีต และอพาร์ทเม้นท์จากยุคคอมมิวนิสต์ที่ดูแข็งเกร็งแห้งแล้ง ในเมืองเก่าของบูคาเรสต์นี้มีโบสถ์เล็กจิ๋วแทรกตัวอยู่ระหว่างตึกเหล่านั้นอย่างเงียบเชียบหลายแห่ง บางแห่งดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะมีโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์สวยงามซ่อนอยู่ หลายแห่งฉันต้องใช้เวลาเดินหากว่าจะหาเจอ เนื่องจากขนาดเล็กและยังตั้งอยู่ระหว่างตึกเหมือนไม่มีความสำคัญ ด้านนอกของบางแห่งก็ดูเรียบง่ายจนไม่รู้เลยว่าด้านในมีจิตรกรรมฝาผนังเก่าโบราณวาดอยู่อย่างสวยงาม แต่พอได้เข้าไปข้างในแล้วก็จะเห็นว่าคนท้องถิ่นแถวนั้นแวะเวียนกันเดินเข้ามาทำความเคารพและจุดเทียนบูชาหรือสวดมนต์สั้นๆอย่างศรัทธากันไม่ขาด เหมือนกับเลิกงานแล้วแวะผ่านมาสัก 5 นาทีเพื่อทำบุญกราบไหว้ ดูเป็นวิถีชีวิตประจำวันธรรมดา สวยงามและขลังมาก ถ้าใครได้ไปเที่ยวบูคาเรสต์ฉันอยากให้ไปลองเจาะชมดู ที่ฉันได้ไปก็คือ Biserica Stavropoleos อยู่ในเมืองเก่าแถวถนนคนเดินเลย สวยขลังมากๆ อีก 2 แห่งอยู่นอกเมืองเก่าแต่ก็สามารถเดินไปถึง คือ Biserica Mihai Voda กับ Biserica Sfintii Apostoli พอไปเห็นแล้วต้องบอกตัวเองว่า มันมีแบบนี้ซุกซ่อนอยู่ด้วยหรือ

อีกแห่งเป็นโบสถ์ที่เก่าที่สุดแห่งหนึ่งของบูคาเรสต์เลยทีเดียว อันนี้ใหญ่โตและนับเป็นโบสถ์ที่ต้องเข้าชม ก็คือ Biserica Curtea Veche ตอนที่ฉันไปเป็นเช้าวันเสาร์ มีพระรูปหนึ่งกำลังยืนสวดมนตร์ทำพิธีอะไรสักอย่างให้ผู้หญิงสองคนอยู่ เสียงสวดเยือกเย็นนุ่มนวล เพราะมากๆ ได้ยินแล้วสะกดให้ต้องยืนฟังอยู่ด้วยความสงบเป็นเวลานานทีเดียว นี่แหละสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้พบของบูคาเรสต์ ไม่ได้ตั้งใจจะไปชม ไม่ได้คาดว่าจะพบเจอ แต่การเดินทางก็เหมือนจะนำพาให้เราไปเจออะไรที่สวยงามและไม่คาดฝันแบบนี้เสมอ และสิ่งเหล่านี้แหละที่มักจะทำให้เราจำการเดินทางทริปนั้นได้อย่างแม่นยำมากกว่าสถานที่หลายแห่งที่ตั้งใจจะไปชมเสียอีก

NO COMMENTS