เที่ยวแถว Transylvania จนฉ่ำใจแล้ว ต่อจากนั้นฉันก็ขึ้นเหนือไป Maramureş, Moldavia และ Bucovina เราต้องขับรถไกลมาก ไปจนถึงชายแดนติดกับยูเครนเลย เพื่อไปชมสถานที่มรดกโลกมากมายหลายแห่งอันน่าตื่นตาตื่นใจของโรมาเนีย เหนื่อย ไกลและกันดาร แต่คุ้มมาก

สถานที่แห่งแรกที่ฉันรีบดิ่งไปก่อนเลย มันคือความชอบส่วนตัวที่ห้ามใจไม่ได้ สุสานนั่นเอง! แต่รับรองสุสานนี้ไม่น่ากลัวเลย กลับน่ารักมากๆ ชื่อก็น่ารักแล้ว คือ Merry Cemetery อยู่ที่เมือง Săpânţa ติดชายแดนยูเครน คือมันต้องใช้เวลามากที่จะขับรถปุเลงๆ ไปบนถนนสวนเลนเดียวเป็นร้อยๆ กิโลใช้เวลาเกือบทั้งวัน (จะว่าไปแล้วทริปนี้เราขับรถไป 2000 กิโลเมตร) เพื่อจะไปชมสุสานนี้ที่เดียว แต่มันคือที่ๆ ฉันตั้งใจไว้แล้วแต่แรกว่าต้องไปดูให้ได้

สุสาน Merry Cemetery นี้แปลกตรงที่ดีไซน์เขาไม่เหมือนใคร ป้ายบนหลุมศพเกือบทั้งหมดเป็นไม้ทาสีฟ้าสดที่แกะสลักและวาดเป็นรูปของเจ้าของหลุม โดนที่ดูแล้วรู้เลยว่าเขาเคยประกอบอาชีพอะไรตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งสุสานสดใสเป็นสีเดียวกัน กลายเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งให้คนไปชม ไม่มีบรรยากาศเศร้าวังเวงเลย สมกับชื่อ Merry Cemetery สุสานแห่งความรื่นเริง เพราะความตายไม่ใช่เรื่องเศร้าเสมอไป ดีไซน์ป้ายสุสานนี้เกิดเพราะศิลปินท้องถิ่นคนหนึ่งชื่อ Stan Ioan Pătraș ซึ่งเป็นช่างแกะสลักไม้ ได้แกะไม้และวาดรูปป้ายหลุมศพป้ายแรกเมื่อปี 1935 และก็ทยอยวาดแบบนี้มาเรื่อยๆ ผ่านไป 25 ปีก็มีป้ายหลุมศพแบบนี้ถึง 800 ป้าย กลายมาเป็นสุสานที่มีดีไซน์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร สีที่เขาใช้เป็นสีฟ้าเฉพาะตัว ทำจากเม็ดสีจากธรรมชาติ จนทีหลังเรียกกันว่าสี Săpânţa blue เลยทีเดียว

ฉันเดินดูป้ายหลุมศพอย่างเพลินเพลินมาก ดูว่ารูปบอกอาชีพอะไร มีคนปั่นด้ายทอผ้าเยอะ คนเลี้ยงวัวเลี้ยงแกะก็เยอะ บ่งบอกสังคมเกษตรกรรม ที่แปลกก็มีคนซ่อมรถ นักดนตรี แปลกล้ำสมัยสุดคือบาร์เทนเดอร์ รูปวาดเขายืนอยู่หน้าบาร์น่ารักเชียว

นับเป็นสถานที่แปลกอีกแห่งที่น่าไปชม ถึงแม้จะไกลหน่อยก็ตาม

และอีกเหตุผลที่ฉันดั้นด้นขับรถขึ้นมาเหนือสุดของโรมาเนียในเขต Maramureş นี้ ก็เพื่อจะมาดูมรดกโลกอีก นั่นคือ The Wooden Churches of Maramureş กลุ่มโบสถ์ไม้ 8 แห่งที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO อันที่จริงโบสถ์ไม้เหล่านี้มีอายุไม่เก่ามากเลย ทั้งหมดสร้างในศตวรรษที่ 18 และ 19 แต่สถาปัตยกรรมของมันนี่สิ ทรงคุณค่ามาก ด้วยความแปลกไม่เหมือนใคร ตัวโบสถ์สร้างด้วยไม้หนา ขนาดไม่ใหญ่ ข้างในค่อนข้างเล็ก แคบ และมืด หลังคามุงด้วยไม้ชิ้นเล็กๆเป็นทรงสูงขึ้นไปด้วยส่วนโค้งเหลี่ยมที่สวยมาก และมีหอคอยสูงปรี๊ดที่มีหลังคาแหลมเปี๊ยวพุ่งขึ้นไปอีกชั้น ถึงแม้ขนาดหลังคาจะแลดูใหญ่โตเมื่อเทียบกับตัวอาคารเองซึ่งเล็ก ปกติอาจจะดูไม่ได้สัดส่วนเท่าไหร่นัก แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างกลับทำให้สถาปัตยกรรมนี้แลดูสวยงามน่ารักเฉพาะตัวอย่างบอกไม่ถูก สาเหตุที่โบสถ์เหล่านี้สร้างด้วยไม้ทั้งหมดก็เป็นเพราะในช่วงนั้นจักรวรรดิฮังการีห้ามคนในนิกายออร์โธดอกซ์สร้างโบสถ์หินอันจะคงอยู่ถาวร พวกเขาจึงเลี่ยงมาสร้างเป็นโบสถ์ไม้แทน กลับกลายเป็นสวยขลังและมีเอกลักษณ์ยิ่งกว่าอีก

ที่ชวนตะลึงยิ่งกว่าสถาปัตยกรรมด้านนอกก็คือบรรดาภาพวาดบนผนังไม้ภายในโบสถ์ ฉันว่ามันสวยมากๆ สวยที่สุดแบบที่สุดไปเลย โทนสีจะออกเป็นน้ำตาลแดงซีเปีย ลักษณะภาพวาดเหมือนการ์ตูนน่ารักน่าชัง เป็นเรื่องราวของไบเบิ้ลและนักบุญต่างๆ บรรยากาศในโบสถ์ไม้ที่เล็กทึมเองก็แลดูขลังมาก ทำให้ภาพวาดพวกนี้ยิ่งทรงคุณค่าขึ้นไปอีก

โบสถ์ทั้ง 8 ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกนี้คือ

* Barsana

* Budesti

* Desesti

* Ieud Deal

* Plopis

* Poienile Izei

* Rogos

* Surdesti

การมาเที่ยวโบสถ์ไม้ทั้ง 8 แห่งนี้มีเกร็ดสำคัญอยู่เล็กน้อยคือ อย่างแรกในแต่ละหมู่บ้านจะมีโบสถ์ใหม่ในชื่อเดียวกันแต่ที่ Google มักจะนำพาเราไป ซึ่งโบสถ์ใหม่นี้ก็จะสวยอลังการจนอาจจะทำให้เข้าใจผิดไปได้ว่านั่นคือโบสถ์มรดกโลก แต่จริงๆไม่ใช่ ต้องดูให้แน่ใจว่าโบสถ์ที่ไปเป็นโบสถ์เก่าไม่ใช่โบสถ์ใหม่ ส่วนมากจะอยู่ในหมู่บ้านเหมือนกันและตั้งอยู่ในระยะห่างกันไม่มาก เกร็ดอีกอย่างหนึ่งก็คือ โบสถ์เหล่านี้บางครั้งจะปิดล็อกกุญแจเอาไว้ ถ้าตอนที่เราไปเกิดเจอแบบนั้นก็อย่าเพิ่งถอดใจกลับ เพราะใครสักคนในหมู่บ้านจะมีกุญแจโบสถ์นั้น และเขาจะยินดีไขกุญแจเปิดให้นักท่องเที่ยวอย่างเราเข้าชม เราต้องพยายามถามคนในหมู่บ้านให้ได้ว่าใครสามารถเปิดกุญแจให้เราได้บ้าง

ฉันได้ไปชมมาทั้งหมด 3 แห่ง คือ Barsana, Desesti และ Ieud โดยพักที่เมือง Baia Mare เป็นฐานการท่องเที่ยวแล้วขับรถตะเวนไปตามโบสถ์เหล่านี้ เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่มีสนามบินนานาชาติแต่ว่าไม่มีอะไรให้เที่ยวหรือชมมาก ในเมืองมีลานกลางเมืองขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่และมีอาคารสำคัญอยู่รอบ มีร้านอาหารนั่งกินกลางแจ้งบรรยากาศดีตอนเย็น แต่อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร

โบสถ์แรกที่ฉันไปชมคือ Desesti และแอบแถมไปชมโบสถ์ในเมือง Ieud ที่ไม่ได้เป็นมรดกโลกด้วย ทั้งสองแห่งยังมีการใช้งานอยู่จริง ตอนที่ไปมีคุณย่าคุณยายชาวโรมาเนียแต่งชุดประจำชาติเป็นกระโปรงพองรอบตัวพร้อมผ้าโพกผมมาสวดมนต์กันเยอะเลย แลดูเขาเคร่งและศรัทธากันมากเลย แต่ทุกคนก็ยิ้มแย้มต้อนรับนักท่องเที่ยวที่แต่งตัวแลดูผิดที่ผิดทางอย่างเราดี คนโรมาเนียน่ารักมากๆ ฉันได้เข้าไปนั่งที่มุมห้องอย่างสงบสังเกตคนเขาสวดมนต์กันอยู่พักใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบดีจริง

โบสถ์อีกสองแห่งที่เราได้ไปชมคือ Bârsana และ Ieud Deal ที่เมือง Bârsana พอไปถึงเราก็หลงไปโบสถ์ใหม่ก่อนเลย เข้าไปเดินเล่นตั้งนานแล้วก็ยังเข้าใจอยู่ว่าเป็นมรดกโลกอยู่เพราะมันใหญ่โตโอ่อ่า และตัวโบสถ์หลักก็มีรูปวาดบนผนังสวยงาม แถมเขายังเปิดลำโพงเป็นเสียงพระสวดเพราะมากๆ ไม่เคยได้ยินเสียงสวดที่ไหนศาสนาอะไรเพราะอย่างนี้มาก่อน เดินชมอยู่นานจนเกือบทั่วจึงชักเอะใจว่าทำไมอะไรๆ มันก็ดูใหม่ นักท่องเที่ยวก็เยอะบรรยากาศก็ต่างไปจากโบสถ์มรดกโลกอื่นๆ พอเช็คข้อมูลอีกครั้งจึงรู้ว่านี่คือโบสถ์แห่งใหม่ซึ่งคล้ายจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวกลายๆ มีคนมาเที่ยวกันเยอะมาก

ส่วนโบสถ์เก่ามรดกโลกนั้นอยู่ในหมู่บ้านเป็นทางเล็กแยกเข้าไปอีก เราจึงรีบขึ้นรถย้ายจุดทันที ซึ่งก็หาไม่ง่ายเท่าไหร่เพราะถนนเล็กมาก พอไปถึงปรากฏว่าไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเลย ที่จอดรถโล่ง มีรถเก่าๆจอดอยู่หนึ่งคัน เราเปิดประตูไม้ที่ปิดเอาไว้แล้วเดินเข้าไปในบริเวณสวน เดินขึ้นเนินไปสักพักเหมือนกับเข้าไปในสวนของบ้านคนเลย ไม่เหมือนว่าจะเดินเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญมรดกโลกอะไรทั้งสิ้น เมื่อถึงยอดเนินในสวนก็เห็นโบสถ์ไม้หลังเล็กจิ๋วตั้งอยู่ รอบๆ เงียบสงัดมากไม่มีชีวิตอื่นใดในบริเวณ แต่ที่โบสถ์นั้นมีผู้หญิงหนึ่งคนและเด็กผู้ชายอายุประมาณแปดขวบอยู่ พอเราเข้าไปถึงจึงรู้ว่าเธอเป็นคนที่เฝ้าดูแลโบสถ์นี้ เธอเชื้อเชิญให้เราเข้าชมและอธิบายเรื่องราวต่างๆให้เสร็จสรรพ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นคนในหมู่บ้านมาทำงานจิตอาสาเฝ้าโบสถ์และอธิบายให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว ดีจัง

รูปวาดในโบสถ์เล็กนี้น่าตะลึงงันอย่างยิ่ง ทุกส่วนของกำแพง ทั้งห้องด้านในด้านนอกถูกวาดไปด้วยลายเส้นรูปเรื่องราวจากไบเบิ้ลต่างๆ โทนสีเป็นสีซีเปียสวยเท่ สวยไปหมดทุกกำแพง ภาพที่เด่นที่สุดคือภาพที่อยู่หลังแท่นบูชาด้านในสุด คือเป็นรูปเทวดาที่มีดวงตาเล็กๆอยู่ตามตัวเต็มไปหมดประหนึ่งเป็นการเฝ้ามองและปกปักรักษา รูปวาดของโบสถ์เล็กจิ๋วแห่งนี้เขาว่าเป็นหนึ่งในภาพที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขต Maramureş ทีเดียว มีอายุเก่าประมาณ 300 ปี ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสถาปัตยกรรมและคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเช่นนี้จะซ่อนตัวอยู่ในโบสถ์ไม้เล็กๆกลางสวนที่ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่คนเดียวนอกจากเราสองคน!

โบสถ์ต่อมาที่เราไปคือ Ieud หรือเรียกอีกอย่างว่า Hill Church (Biserica din Deal) โบสถ์แห่งนี้ก็เล็กจิ๋วซ่อนตัวอยู่บนเนินเหนือหมู่บ้านโดยที่ไม่มีนักท่องเที่ยวไปชมอีกเช่นกัน ตอนที่เราไปถึงตัวโบสถ์ใส่กุญแจล็อคเอาไว้  ฉันรู้สึกเสียใจว่าอุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงจะไม่ได้ดูข้างในจริงๆ หรือ โบสถ์นี้มีสุสานล้อมอยู่โดยรอบแบบประชิดตัวเลย ฉันเดินวนดูสุสานรอบๆ เห็นผู้ชายสามสี่คนกำลังขุดดินเหมือนกับกำลังเตรียมหลุมศพอยู่ นึกอยากจะไปถามเขาแต่ก็ไม่อยากรบกวนคนที่กำลังเตรียมงานศพ กำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่จนเขาทำงานเสร็จเดินผ่านมา ฉันจึงตัดสินใจถามเขาว่าโบสถ์ปิดหรือคะ อยากจะดูข้างในจังเลย เขารีบชูนิ้วยิ้มและอธิบายเป็นภาษาอังกฤษผสมโรเมเนี่ยนว่าไม่ต้องห่วง ให้รออยู่ที่นี่ เดี๋ยวจะมีคนมาเปิดให้ โอไม่อยากเชื่อ เหมือนตามที่สืบรู้มาจริงๆ เลยว่าโบสถ์เล็กเหล่านี้อาจจะถูกปิดล็อกอยู่และใครสักคนในหมู่บ้านจะมีกุญแจเปิด ให้เราพยายามถามหาให้เจอ แล้วมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ ฉันเดินชมสุสานรออยู่ไม่เกิน 10 นาทีก็มีผู้ชายคนหนึ่งถือกุญแจมาเปิดให้เราเข้าไปชมข้างในโบสถ์อย่างยิ้มแย้มแจ่มใส มันสุดยอดมาก

และพอเข้าไปข้างในก็ไม่ผิดหวังเลย รูปวาดข้างในนั้นสวยมากไม่แพ้ที่อื่นจริงๆ เขาว่าโบสถ์นี้เป็นโบสถ์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเขต Maramureş เลยทีเดียว ของเดิมสร้างไว้ตั้งแต่ปี 1364 ถึงแม้จะซ่อมแซมและสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 17 และ 18 ภายหลังแต่ก็ดูเก่าและเก๋ามาก

นอกจากตัวโบสถ์และภาพวาดที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่งแล้ว ยังมีกลอนล็อคประตูซึ่งมีกลไกในการเปิดปิดที่แปลกไม่เหมือนที่ใดอีกด้วย เราสามารถชมได้แค่ 3 โบสถ์จาก 8 โบสถ์มรดกโลกเพราะเวลาหมด ไปยากไปเย็นและใช้เวลาเดินทางนานพอควรทีเดียว นี่ถ้ามีเวลามากกว่านี้ฉันก็คงจะชมให้หมดทุกแห่ง เอาเป็นว่าเก็บเอาไว้ให้ย้อนกลับมาอีกครั้งก็แล้วกัน

NO COMMENTS