ผ่านมาถึง 6 ตอน และพาชมมรดกโลกมาหลายแห่ง อย่าเพิ่งคิดว่าโรมาเนียหมดของดีแล้ว มรดกโลกของโรมาเนียยังมีอีก ที่ฉันได้ไปชมจนฉ่ำใจอีกคือ The painted monasteries of Moldavia ที่อยู่ทางใต้ของ Bucovina เป็นกลุ่มโบสถ์และวิหารทั้งหมดรวม 8 แห่ง ซึ่งมี Fresco จิตรกรรมฝาผนังทาสีบนปูนเป็นเรื่องราวจากไบเบิ้ล สวยงามจนได้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO ของโรมาเนียอีกอย่างสมควรเป็นที่สุด

กลุ่มโบสถ์ทั้ง 8 นี้อยู่ค่อนข้างไกลไปทางเหนือติดประเทศยูเครน เดินทางไปยากอีกเช่นกัน คราวนี้เราใช้เมือง Gura Humorului เป็นฐานในการพัก อันที่จริงถ้ามีรถขับเองพักที่นี่คืนเดียวก็สามารถขับชมโบสถ์ได้เกือบครบ แต่ฉันมีเวลาไปชมได้เพียงแค่ 4 แห่งเท่านั้น 9 วันในโรมาเนียดูครึ่งประเทศก็ยังไม่ทั่วจริงๆ

โบสถ์เหล่านี้สร้างขึ้นในระหว่างศตวรรษที่ 15 และ 16 ภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นศิลปะแบบ Byzantine วาดโดยศิลปินท้องถิ่นซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง จึงมีกลิ่นอายของความเป็นพื้นเมืองเข้ามาเจือปน ภาพทั้งหมดนี้ไม่ใช่มีเพียงนิดหน่อย แต่ว่าวาดเต็มพื้นที่ทุกกำแพง ทุกเสา เพดาน หลังคา ทุกซอกทุกมุมจนดูเผินๆเหมือนกับคนที่สักทั้งตัวจนไม่เห็นหนังจริงเลย รูปภาพทั้งหมดเป็นเรื่องราวในไบเบิ้ล สาเหตุก็คือช่วงนั้นมีการรุกรานดินแดนและขัดแย้งกันเยอะ ใครยึดดินแดนได้ก็อยากจะเปลี่ยนให้คนไปนับถือศาสนานิกายของตัว บรรดาโบสถ์เหล่านี้จึงมีการวาดภาพในไบเบิ้ลทั้งหลายอย่างละเอียดเอาไว้บนผนัง เป็นการสอนเรื่องราวในศาสนาคริสต์ เพื่อให้ชาวบ้านซึ่งส่วนมากอ่านหนังสือไม่ออกเข้าใจเรื่องราวในไบเบิ้ลได้ง่ายๆโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาสั่งสอนหรือเทศน์กันมาก  เวลาไปเดินชมเราจึงได้เห็นรูปบางรูปที่แลดูเป็นเรื่องราวลึกลับเกี่ยวกับเทวดาและปีศาจร้ายเพื่อเล่าเรื่องให้คนเกรงกลัว ก็คงไม่ต่างกับศาสนาพุทธที่มีความเชื่อปรัมปราหรือนิยายที่เราต่อกันมาเพื่อให้คนกลัวบาปและทำความดี

สำหรับโบสถ์ทั้ง 4 ที่ฉันไปชมนี้คือ Humor ซึ่งอยู่ในเมืองเลย ไปง่ายสะดวกมาก

อีกแห่งที่อยู่ในเมืองไม่ไกลกัน และแลดูเหมือนจะเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือ Voronet โบสถ์นี้มีความโดดเด่นคือมีกำแพงทั้งกำแพงทาเป็นสีฟ้าสดสวยเด่นเฉพาะตัว เนื่องจากเม็ดสีที่ใช้นั้นทำมาจากพลอย Lapis lazuli ให้สีฟ้าสดสวยงามมากจนสีเฉดนี้ได้รับการเรียกอย่างเป็นทางการว่า Voronet blue กันเลยทีเดียว

โบสถ์อีกสองแห่งที่ต้องขับรถขึ้นเหนือไปราว 45 นาทีคือ Moldovita และ Sucevita ทั้งสองแห่งนี้มีบริเวณที่อยู่ของแม่ชีด้วย ภาพวาดบนผนังก็สวยงามไม่แพ้กัน สีสดจัดจ้านสวยงามมาก สำหรับ Sucevita นั้นใหญ่โตโอ่อ่าอลังการที่สุดทั้งที่อยู่ไกลปืนเที่ยงที่สุด โบสถ์ไม่ได้ตั้งอยู่เดี่ยวๆแต่มีป้อมปราการแข็งแรงใหญ่โตล้อมรอบทีเดียว สำหรับใครที่นับถือศาสนาคริสต์คงเข้าใจเรื่องราวต่างๆในบรรดาภาพวาดจากไบเบิ้ลทั้งหลายนั้นดี ส่วนฉันขนาดไม่ค่อยรู้เรื่อง ได้แค่ชื่นชมความงามในแง่มุมศิลปะก็ยังอึ้งตะลึงงัน แต่ก็ให้คุณสามีช่วยอธิบายรูปบางรูปที่สำคัญให้ฟังเช่นกันว่าใครเป็นใคร รูปไหนคือนักบุญชื่ออะไร เรื่องราวแต่ละเรื่องเป็นอย่างไร บางเรื่องก็สนุกเหมือนฟังนิทานเลย

หลายโบสถ์นี้มีรูปที่สำคัญเหมือนกันตรงผนังประตูเข้า ก็คือรูป Last Judgment รูปอื่นที่ชอบวาดซ้ำกันก็คือรูป Ladder of Virtue และรูป Tree of Jesse ฉันคิดว่าถ้าใครไปเที่ยวและอยากเข้าใจภาพทั้งหลายนี้อย่างลึกซึ้ง จ้างไกด์ไปอธิบายก็น่าจะดี สำหรับฉันแค่เดินดูทุกรูปทุกซอกทุกมุมและบังคับให้สามีอธิบายให้ฟังบางรูปแค่นี้ก็อิ่มมากแล้ว ย้อนกลับไปดูรูปที่ถ่ายมายังขนลุกอยู่เลย เป็นทริปที่เข้มข้น คุ้มค่าเป็นที่สุด

NO COMMENTS