ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นชาวสวิสซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่ตอนอายุ 18 ปี เจอกันที่ประเทศอังกฤษตอนไปเรียนซัมเมอร์ พอโตขึ้นต่างคนต่างก็แยกย้ายไปสร้างอาชีพสร้างชีวิตของตัวเอง ขาดการติดต่อไปพักหนึ่ง แต่แล้วเมื่อจังหวะเหมาะ โชคชะตาก็พาให้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันอีกเมื่อตอนที่ย้ายมาอยู่สวิตเซอร์แลนด์เป็นการถาวร จริงๆเพื่อนเป็นคนสวิสฝั่งเยอรมันแต่ย้ายไปประกอบอาชีพสร้างรกรากอยู่ในฝั่งสวิสฝรั่งเศสระหว่างเมืองเจนีวาและโลซานน์ ตอนนี้ทุกปีเพื่อนจะเชิญไปพักที่บ้านพบปะสังสรรค์กับครอบครัวเขา และของแถมที่พ่วงมาด้วยก็คือ ทุกปีเพื่อนจะพาไปชมสถานที่แปลกใหม่ในเมืองเล็กเมืองน้อยในย่านนั้น ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมากเพราะฉันไม่ค่อยเชี่ยวชาญและรู้จักแถวนั้นเท่าไร การที่มีคนท้องถิ่นเสนอโปรแกรมพาเที่ยวและจัดแจงให้เสร็จสรรพปีละครั้งจึงเป็นอะไรที่ถูกใจมากๆ

ปีนี้เพื่อนพาไปชมปราสาทเก่าอายุราว 900 ปีชื่อ Oron Castle หรือในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า Château d’Oron เป็น Swiss Inventory of Cultural Property of National Significance หรือมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติสวิตฯด้วย ปราสาทนี้เป็นปราสาทส่วนตัวที่สร้างโดยเศรษฐีในย่านนี้ และถูกซื้อขายเปลี่ยนมือมาหลายมือในอดีต จนสุดท้ายได้กลายมาเป็นสมบัติของรัฐในปัจจุบันและเปิดให้จัดงานจัดอีเวนท์ต่างๆได้ด้วย

ตัวปราสาทออกแบบให้มั่นคงถูกบุกรุกได้ยาก รายละเอียดมีแม้กระทั่งจะต้องเดินวนทางด้านขวากว่าจะเข้าถึงประตูได้เพราะสมัยก่อนคนที่มาจะต้องถือโล่ห์ด้วยมือซ้ายและถือหอกหรืออาวุธด้วยมือขวา จึงทำให้ศัตรูที่เข้ามาจะโจมตีได้ลำบาก แต่ปราสาทนี้ก็ไม่เคยถูกบุกโจมตีแต่อย่างใดเพราะเป็นบ้านที่อยู่ของเศรษฐีปุถุชนคนธรรมดาไม่ใช่สถานที่สำคัญในแง่การเมืองอะไร

สำหรับสถาปัตยกรรมนั้นตรงกลางมีคอร์ทยาร์ดเปิดโล่ง ชั้นบนมีห้องหลายห้อง ทั้งห้องนอน ห้องครัว ห้องอาหาร ห้องดนตรี ห้องนั่งเล่น

แต่ห้องที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดและเป็นห้องเดียวที่เราไม่สามารถเดินเข้าไปข้างในได้ก็คือห้องสมุด ซึ่งมีหนังสือนิยายภาษาฝรั่งเศสถึง 17,000 ถึง 18,000 เล่ม ประวัติก็คือว่าเจ้าของปราสาทคนหนึ่งในอดีตนี้ได้ไปประมูลเอาหนังสือทั้งหมดนี้มาจากกองมรดกของเจ้าหญิงชาวยุโรปตะวันออกคนหนึ่งหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้ว เจ้าหญิงแต่งงานกับเจ้าชายเบลเยี่ยมแล้วไม่มีความสุขจึงกลับไปแต่งงานกับเจ้าชายของชาติเดียวกัน เมื่อย้ายกลับไปยุโรปตะวันออกแล้วเธอก็ขนเอาหนังสือต่างๆที่ซื้อสะสมเอาไว้สมัยที่อยู่ในเบลเยียมทางฝรั่งเศสไปด้วย หนังสือทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเนื้อหาสลักสำคัญทางประวัติศาสตร์หรือความรู้อะไร ส่วนมากเป็นนวนิยายที่เขียนในฝรั่งเศส แต่ที่มีความสำคัญก็คือหนังสือพวกนี้บางเล่มหลงเหลืออยู่เพียงเล่มเดียวในโลกเท่านั้นที่นี่ เพราะสมัยก่อนหนังสือนิยายพวกนี้เป็นของราคาถูก ส่งมาให้อ่านเป็นแผ่นๆแบบยังไม่ได้เย็บเล่มแล้วคนก็ทิ้งไป มีเพียงแต่เจ้าหญิงคนนี้ที่เก็บเอากระดาษทุกแผ่นไว้แล้วไปสั่งให้คนเข้าเล่มเป็นหนังสือเพื่อที่จะสะสมเอาไว้เป็นสมบัติส่วนตัว

ปราสาทแลดูเหมือนจะไม่ใหญ่แต่เอาเข้าจริงใหญ่และมีห้องหับมากมายทีเดียว นอกจากจะเดินชมได้ทั่วทั้งชั้นล่างและชั้นสองแล้ว เรายังสามารถไต่บันไดปีนขึ้นไปตามชั้นต่างๆในห้องใต้หลังคาและในป้อมปราการได้อีก สนุกจริงๆ แถมเพื่อนของฉันยังเชิญเพื่อนของเขาซึ่งเป็นคนสวิสเช่นกันมาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์พาเราเที่ยวชมและอธิบายทุกอย่างให้ฟังอย่างละเอียดด้วย ซึ่งเพื่อนคนนี้เป็นคุณหมอผ่าตัดสมองที่เกษียณแล้วแต่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ ครอบครัวเขามีความผูกพันกับปราสาทนี้เป็นพิเศษจึงมีความรู้แบบวงในมาเล่าต่อให้ฟังชนิดที่ไม่มีเขียนไว้ในเว็บไซต์ใดๆอีกด้วย ฉันโชคดีจริงๆที่นอกจากจะได้ค้นพบปราสาทที่เป็นอันซีนของสวิตเซอร์แลนด์แล้วยังได้ความรู้อย่างที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้อีกด้วย มีเพื่อนเป็นคนท้องถิ่นก็ดีแบบนี้นั่นเอง

NO COMMENTS