สตอกโฮล์ม เมืองหลวงของประเทศสวีเดน เป็นเมืองหนึ่งที่ฉันค่อนข้างชอบเลยทีเดียวถ้าเทียบกับเมืองในสแกนดิเนเวียอื่นๆ การแวะมาครั้งนี้เป็นการนัดเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีเพราะโควิด ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการเจาะเที่ยวชมอะไรเป็นพิเศษเพราะฉันและเพื่อนเคยเที่ยวมาเกือบหมดแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการเดินเที่ยวเมืองแล้วคุยกันไปเรื่อยๆ ชมบรรยากาศ ชมสถาปัตยกรรม หาของอร่อยกินกัน แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
Gamla Stan เป็นติ่งยื่นออกไปในน้ำจึงเหมือนเป็นเกาะกลางแม่น้ำ นับเป็นย่านใจกลางเมืองเก่า มีตรอกเล็กตรอกน้อยเป็นถนนคนเดิน ลานกว้างใจกลางเมืองมีตึกทาสีสดใสเด่นที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปเช็คอินที่นี่ ด้านหนึ่งของลานเป็นพิพิธภัณฑ์รางวัล Nobel Prize ที่ฉันเคยเข้าไปชมมาแล้วตอนที่มาครั้งก่อน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เล่าเรื่องได้ดีมาก ทั้งไกด์ที่พาเราเดินชมและเล่าเรื่อง และรูปต่างๆ ที่ติดอยู่พร้อมคำอธิบาย เรียกว่าอ่านได้ยาวๆ ไม่เบื่อเลย
ถึงจะเคยมา Gamla Stan แล้วแต่ฉันหรือใครๆ ที่มาซ้ำก็คงอดแวะไปเดินเล่นอีกไม่ได้ เพราะนี่คือหัวใจของสตอกโฮล์มที่แท้จริง
และที่สตอกโฮล์มนี้ มีสถานที่อีกสองแห่งอีกที่มาทีไรฉันก็จะชอบไปดู เรียกว่าเป็นจุดหมายแบบเที่ยวเหนือฟ้าจริงๆ
อย่างแรกนี้เพื่อนยังไม่เคยไป ฉันจึงพาไปชม นั่นก็คือสถานีรถใต้ดินหลายแห่งของเมืองสตอกโฮล์มซึ่งมีความพิเศษที่เขาทาสีและตกแต่งเป็นงานศิลปะในรูปแบบต่างๆ โดยให้ศิลปินพื้นเมืองมาออกแบบจัดทำ หลังคาของสถานีใต้ดินนี้เขาก็ฉาบปูนแบบไม่เรียบ ดูเหมือนผนังถ้ำใต้ดิน เวลาถ่ายรูปสีสันออกมาจึงมีความแปลกเฉพาะตัว
วันนี้เราไปกันเฉพาะสถานีที่อยู่บนแนวรถใต้ดินสายสีฟ้าและสีเขียว เพราะสายสีแดงฉันเคยดูมาหมดแล้ว เพื่อนเลยบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปดูเอง บางสถานีนี้หาไม่ง่ายเลยว่างานศิลปะอยู่ตรงไหน ก็สนุกดี ได้เดินหาเดินถ่ายรูปไป ซื้อตั๋ววันไปเลยจะขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้
ส่วนอีกสถานที่หนึ่งของสตอกโฮล์มที่ฉันจะต้องไปนั้น คือสุสานนั่นเอง และสุสานนี้ถึงกับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกยูเนสโก้ ฉันจึงไม่มีทางพลาดแน่ๆ
สุสานนี้คือ Skogskyrkogarden สวยมากๆ ในความเห็นของฉันนั้นคือเป็นสุสานที่สวยที่สุดที่เคยชมมาแล้วเลย ด้วยรูปแบบที่ต่างไปจากสุสานอื่นอย่างสิ้นเชิง เพราะมันมินิมัลมากๆ เรียบง่ายที่สุด แต่ละสุสานมีเพียงหินปักอยู่บนพื้นหญ้าเขียวสดใต้ต้นไม้ใหญ่ในป่าโปร่ง ไม่มีการก่อสร้างอาคารอวดโอ่ความอลังการอย่างสุสานอื่น ดูสงบสมเป็นที่พักแห่งสุดท้ายอย่างถาวรของผู้ที่จากไป และสะท้อนปรัชญาของการคืนสู่ธรรมชาติ คืนสู่ดิน อย่างแท้จริงโดยปราศจากยศถาบรรดาศักดิ์ประดับประดาอันเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ทั้งสวยต่อตา และสวยต่อใจ ขนาดที่มาแล้วก็ต้องกลับมาอีกทีเดียว นางเอกสวีดิชชื่อดัง เกรต้า การ์โบ ก็พักอย่างนิรันดร์อยู่ที่นี่ แต่ได้รับเกียรติพิเศษมีการตกแต่งหรูหราหน่อยและแยกออกมาในบริเวณเนินหญ้า
สุดท้าย สถานที่ๆ ฉันต้องมาซ้ำทุกครั้งที่มาสตอกโฮล์มนั้นก็คือร้านอาหารร้านนี้ Ekstedt ร้านอาหารติดดาวมิชลินหนึ่งดาว เพราะมันหากินแบบนี้ไม่ได้ที่ไหนอีก เขาเน้นวัตถุดิบแบบสแกนดิเนเวีย และวิธีการปรุงแบบที่ใช้ “ไฟ” ต่างๆ โดยเฉพาะเทคนิคโบราณ คือการปรุงอาหารเขาไม่ใช่ว่าแค่ความร้อนจะพอ มันต้องมีเปลวไฟเลย เพื่อให้ได้กลิ่นหอมของฟืนและควัน จานเด็ดเขาคือการเอาน้ำมันหมูร้อนๆ จากกรวยทองเหลืองราดไปบนหอยเชลล์ให้สุกปริ่มๆ กำลังดี มันหอมอร่อยมากจนลืมไม่ลง และเขาพัฒนาตลอด ไปซ้ำก็ยิ่งมีดีขึ้นทั้งอาหารและบริการ และยังเก็บจานสัญลักษณ์เอาไว้ เรียกว่าถ้ารู้ว่าจะได้ไปสตอกโฮล์มละก็ ฉันจองร้านอาหารนี้ก่อนจองตั๋วเครื่องบินเสียอีกทีเดียว สำหรับฉันจึงพูดได้เลยว่า สตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวงขนาดเล็กที่ฉันมี “ที่ประจำ” แบบ “เหนือฟ้า” หลายแห่งที่ต้องไปซ้ำเสมอ
