Florence หรือ Firenze เป็นเมืองหลวงของแคว้น Tuscany ในอิตาลี และน่าจะเป็นหนึ่งในเมืองหลักที่นักท่องเที่ยวที่มาอิตาลีต้องมาเยี่ยมชมทีเดียว เนื่องจากมีทั้งตัวเมืองเก่าซึ่งเป็นมรดกโลก เป็นเมืองศูนย์กลางแฟชั่นและความทันสมัยของอิตาลีที่จะเป็นรองก็แต่มิลานเท่านั้น และยังมีงานศิลปะชิ้นเอกระดับโลกที่ใครๆต่างก็ต้องเคยได้ยินและรู้จัก เช่นรูปหินอ่อนแกะสลักเดวิดโดย Michaelangelo สำหรับฉันนั้น กรุงโรมคือประวัติศาสตร์ มิลานคือแฟชั่นและชีวิตทันสมัย เนเปิลส์คือเมืองตากอากาศ และฟลอเรนซ์คืองานศิลปะ ดังนั้นคงไม่แปลกถ้าจะบอกว่า เมืองฟอร์เรนซ์นั้นคือจุดกำเนิดของยุค Renaissance ทีเดียว
ฉันมาเมืองฟลอเรนซ์นี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ห่างจากครั้งแรกถึง 25 ปี ครั้งนี้พาน้องสาวและหลานสาวมาเที่ยวเป็นครั้งแรก อากาศก็ร้อนมากๆๆๆ จึงเลือกพาไปชมสถานที่ไม่กี่แห่งที่สำคัญๆก่อน แน่นอนเราจะต้องไปชมรูปหินอ่อนแกะสลักเดวิดกันที่ Galleria dell’Accademia
และพิพิธภัณฑ์ Uffizi ซึ่งมีภาพวาดของศิลปินนามอุโฆษระดับโลกอยู่มากมาย เช่น Leonardo da Vinci, Botticelli, Raphael, Filippo Lippi, และอื่นๆอีกมากมาย ที่ไม่ใช่ศิลปินอิตาเลียนก็มีด้วยเช่น Rembrandt และ Rubens สำหรับภาพวาดที่ใครๆก็ต้องไปชมก็คือภาพ The birth of Venus โดย Botticelli ซึ่งภาพวาดสำคัญระดับโลกทั้งหมดของที่นี่นั้นแขวนอยู่บนกำแพงให้คนยืนชมได้ใกล้ชิดเลยทีเดียว ภาพกำเนิดวีนัสนี้ฉันได้มาชมครั้งที่สองแล้ว เป็นภาพที่แสดงให้เห็นว่าวีนัสเกิดขึ้นมาจากฟองคลื่นที่ถูกพัดขึ้นโดยลม ได้มาชมครั้งนี้ยิ่งรู้สึกพิเศษเพราะเมื่อสองปีที่แล้วได้ไปเที่ยวประเทศไซปรัส และได้ไปเยี่ยมชมจุดในทะเลที่เชื่อกันว่าเป็นจุดเกิดวีนัสนี้จริงๆ
Uffizi นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดใน 10 อันดับแรกของโลกทีเดียว สมัยนี้สะดวกตรงที่เราโหลดแอพเข้าในมือถือเพื่อเป็นไกด์ได้เลย แต่ข้อมูลบางอย่างถ้าเราจะอ่านต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อโหลดข้อมูลเข้ามา ทั้ง Galleria dell’Accademia และ Uffizi นี้ควรจองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้ามาก่อน วอล์คอินไม่ได้เข้าแน่นอน และถ้าออนไลน์ขึ้นว่าตั๋วหมดก็โทรเข้ามาจองได้ อย่าเพิ่งไปเชื่อว่าตั๋วหมดแล้วไปซื้อจากเอเจนซี่ราคาแพงทีเดียว เราสามารถโทรเข้ามาจองและจ่ายค่าจอง 4 ยูโรต่อหนึ่งตั๋วแล้วค่อยมารับตั๋วก่อนเวลาเข้าได้เลย สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ก็เข้าฟรีด้วยอีกต่างหาก
ใกล้กับ Uffizi ใครๆก็ต้องไปชม Ponte Vecchio สะพานที่มีร้านค้าสร้างอยู่บนเสาเรียงแน่นเต็มทั้งสองฝั่งของสะพาน ของที่ขายก็มักจะเป็นจิวเวอรี่เครื่องประดับ ฉันว่าไม่ค่อยน่าซื้อเท่าไหร่หรอก ความน่าสนใจอยู่ที่การได้ไปถ่ายรูปบนสะพานและชมวิวที่แปลกไปมากกว่า
สถานที่เที่ยวอื่นๆของฟอร์เรนซ์นั้นมีมากมายไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ Santa Maria del Fiore หรือ Duomo, Palazzo Vecchio, Palazzo Pitti, น้ำพุ Neptune และพิพิธภัณฑ์อื่นๆก็มีอีกมากมาย งานศิลปะที่นี่เยอะจนจุกจริงๆ ถึงขนาดที่ว่ามีโรคหนึ่งเรียกว่า Stendhal syndrome ซึ่งหมายถึงอาการที่กระอักความงามและความเยอะของงานศิลปะของเมืองฟลอเรนซ์! ใครที่เป็นก็จะเกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ หัวใจเต้นแรง หรือเป็นลมหน้ามืด ว่ากันว่าพวกเจ้าหน้าที่ตามพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ต่างๆนั้นเจอนักท่องเที่ยวมีอาการแบบนี้เป็นประจำ ส่วนสำหรับฉันและน้องสาวหลานสาวนั้นก็มีอาการแบบนี้เหมือนกัน แต่คงจะเป็นเพราะอุณหภูมิ 40 องศาที่ร้อนจนเหงื่อไหลเป็นทางตลอดเวลามากกว่า
เราจึงตั้งใจกันว่าคงจะต้องกลับมาทัสคานีกันอีกสักครั้ง เช่าบ้านอยู่ตามไร่ที่มีวิวต้นสนแหลมๆบนเนินเขาในชนบท แล้วค่อยกลับมาเก็บตกงานศิลปะในฟลอร์เรนซ์กันอีกครั้ง