มาทำงานฮ่องกงสี่วัน ยุ่งเช้ายันเย็นตลอดแต่ก็ไม่พลาดหาของอร่อยทาน ไม่อย่างนั้นเสียชื่อมาฮ่องกงทั้งทีแย่ ในเมื่อเวลาน้อย ก็ขอเจาะเอาแต่ร้านเด็ดในย่านที่พัก แค่นี้ก็เต็มปริ่มอิ่มเหนือฟ้าแล้ว ตามมาชิมเลยค่ะ

โรงแรมที่พักในฮ่องกงคราวนี้อยู่ย่าน Tai Hang ย่านเก๋าที่กลายมาเก๋ มีตึกแถวโบราณที่กลายมาเป็นคาเฟ่สวย บาร์เก๋ ร้านอาหารเด็ด ในขณะที่ร้านโจ๊กร้านเกี๊ยวดั้งเดิมยังคงเป็นที่ประจำของชาวฮ่องกงอยู่เหมือนหลายสิบปีที่ผ่านมา จึงไม่แปลกที่ย่านนี้จะมีอารมณ์ร่วมผสมกลมกลืนของตึกแถวปูนเก่าที่มีป้ายตัวหนังสือจีนติดอยู่ในตรอกแคบเดียวกับตึกเสียดฟ้ากรุกระจกทันสมัย รถ Tesla จอดริมฟุตบาธหน้าร้านโจ๊กแบบยองๆเหลา และสาวทำงานบนส้นสูงปรี๊ดยืนจิบดริ้งค์หน้าบาร์เปรี้ยว ที่อยู่ห่างไปแค่สองคูหาจากอาแปะที่กำลังคีบเส้นเข้าปากในร้านบะหมี่

โรงแรมเราชื่อ Little Tai Hang บูทีคโฮเต็ลใหม่ในย่านนี้ที่คุ้มค่าคุ้มราคาจนต้องเก็บไว้ในโพยเจ้าประจำทีเดียว คอนเซ็ปเก๋ห้องน่ารักสวยงาม สะอาดใหม่กริ๊บ และแสนสะดวกเพราะอยู่ฝั่งฮ่องกง อันที่จริงคราวนี้ไม่ได้สืบเลือกเองเพราะมาทำงานจึงให้หุ้นส่วนเลือกจองโรงแรมให้ บังเอิญจริตตรงกันเลยถูกใจ เราชอบโรงแรมที่มีบุคลิกมีเรื่องราวเหมือนกัน มีอะไรกุ๊กๆกิ๊กๆ โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมระหว่างเสน่ห์ของอดีตกับความฮิปของปัจจุบัน โรงแรมนี้เป็นอย่างนั้นเลย ดีไซน์ด้านในร่วมสมัยสดใสสดชื่น ขณะที่ตัวตึกด้านนอกเป็นอิฐเก่าและแทรกตัวอยู่กลางตึกแถวเดิมๆ นางว่าในย่านนี้หาราคาแบบนี้ยาก (เราไปช่วงมีงานแฟร์ใหญ่ซึ่งราคาห้องแข่งกันดีดราคาขึ้นไปลิ่ว ยังจ่ายเพียงคืนละประมาณห้าพันกว่าบาท) และขนาดห้องก็ไม่มีใหญ่เท่านี้

ไม่ได้มาฮ่องกงนานมากๆแล้ว พอบอกว่าห้องใหญ่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าเปิดประตูเข้าไปจะเจอเตียงขนาด Double วางชิดผนังอยู่ มีที่ให้เดินรอบเตียง 2ด้านแค่พอตัว นี่มันจิ๋วมากๆ เปิดกระเป๋าเดินทางทิ้งไว้ไม่ได้เลย ต้องเอาของออกใส่ตู้แล้ววางกระเป๋าแอบชิดกำแพงไว้ ไม่อย่างนั้นไม่มีที่เดิน นี่ถ้าแบบนี้เรียกว่าใหญ่แล้วที่อื่นจะเป็นอย่างไรนี่

เตียงขนาด Double ก็นอนลำบากมากสำหรับ 2 คน (ถ้าไม่ได้ตัวเล็กทั้งคู่หรือเป็นคู่รักมือใหม่นอนกอดกันกลมทั้งคืน) ทริปนี้ต้องนอนกับน้องสาวไซส์ 16 จึงเตะกันทั้งคืน ขนาดห้องน่าจะเหมาะกับนอนคนเดียวมากกว่าแม้จะบอกว่าเป็นห้องคู่ ถ้านอน 2คนแนะนำให้จองห้องประเภทใหญ่ขึ้นค่ะ

นอกจากนั้นแล้วห้องดีมาก มีทุกอย่างครบ ห้องน้ำไม่เล็กอึดอัดอย่างห้องนอน กระจกในที่อาบน้ำสูงพื้นจรดเพดาน จะเปิดม่านทำเซ็กซี่ให้อาม่าในตึกเก่าตรงข้ามตกใจเล่นก็ได้ amenities แบรนด์อังกฤษคุณภาพไม่เลว ทีวีจอใหญ่บึ้ม มีโต๊ะทำงาน (ซึ่งเหลือที่ไม่เยอะเพราะโดนทีวีกินไป) ตู้เสื้อผ้าใหญ่ ตู้เซฟ รองเท้าแตะ คือมีทุกอย่างตามมาตรฐานโรงแรม 4 ดาว ที่สงสัยคือ ทำไมตู้เย็นต้องเป็นตู้แช่ไวน์ด้วยไม่รู้

ส่วน facility อื่นนั้นมีไม่มาก สาเหตุเพราะ Little Tai Hang เป็นทั้งโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์อยู่ด้วยกัน ส่วนล้อบบี้จึงเล็กๆ ไม่โอ่อ่ากว้างขวาง มีแค่ชุดโซฟาชุดเดียวหน้าเคาน์เตอร์ front desk ชั้น 5 มีห้องยิมใหญ่ทั้งฟลอร์ที่มีสารพัดเครื่องออกกำลังกาย ติดกันเป็นเล้าจน์นั่งเล่นที่มีกาแฟเนสเพรสโซ่และขนมให้บริการตัวเองฟรี จากโซฟาชั้นนี้มองลงมาเห็นวัดสำคัญในย่านและบรรดาตึกแถวเก่ารอบๆ ได้บรรยากาศตรงข้ามที่มีเสน่ห์จับใจบอกไม่ถูก

ในตึกเดียวกันมีร้านอาหาร 2 ร้านและ 1 บาร์ที่ทางเข้าอยู่ด้านนอกตึกคนละด้าน ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนละส่วนกับโรงแรม แต่เราให้โรงแรมจองได้และสำหรับบาร์ Tipsy ที่กำลังจะเปิดเป็นทางการหนึ่งวันหลังจากเราเช็คเอ้าท์นั้นมีส่วนลดพิเศษให้แขกโรงแรมด้วย ร้านอาหาร Bond ชั้นสองเป็นอาหารตะวันตกฟิวชันเล็กๆ เพื่อนที่ทำงานอยู่ฮ่องกงและบังเอิญพักอยู่อพาร์ตเมนต์นี้บอกว่าอร่อยทีเดียว หนนี้ไม่ได้ชิมแต่ได้ไปนั่งดื่มมาคืนหนึ่ง นั่งนอกระเบียงกว้างด้านนอกบรรยากาศดีมากๆ กลางคืนอากาศดี ที่นั่งเก๋ ดูเหมือนเป็นหนึ่งในที่ฮิปเก๋ที่คนฮ่องกง (ทั้งท้องถิ่นและต่างชาติ) มาแฮงเอ้าท์กัน เครื่องดื่มอร่อยทีเดียว คอค้อกเทลอย่างเหนือฟ้าให้ผ่านฉลุยทั้งเมนูและคุณภาพ แถมแฮปปี้อาวร์ยังลากยาวถึงดึกดื่น คุ้มมากๆ และมีนัคโช่เสิร์ฟมาพร้อม guacamole ที่เนียนเหมือนครีมมาให้แกล้ม ถูกใจมากๆ

ส่วนร้านอาหารอีกร้านคือ Second Draft ที่อยู่ชั้น 1 ของโรงแรมนั้นเดี๋ยวขอเล่าทีหลัง เพราะเป็นทีเด็ดที่ต้องเก็บไว้ลงให้ “กินเหนือฟ้า” โดยเฉพาะ

สรุปคือ Little Tai Hang เหมาะมากสำหรับทริปสำหรับคนที่เดินทางมาทำงานฝั่งฮ่องกง เพราะใกล้ Causeway Bay และ Wan Chai และไม่ไกล Central นั่งรถไฟ airport express สุดจะสะดวกแค่ 25 นาที และอารมณ์โรงแรมยังเหมาะกับทริปทำงานตรงที่ไม่วุ่นวาย คนไม่เยอะ ไม่เสียเวลาแย่งกันขึ้นลิฟท์แย่งกันเช็คอินเช็คเอ้าท์ แต่มี facility จำเป็นครบ และเลิกงานแล้วยังมีที่แฮงเอ้าท์ในบรรยากาศ local เพียงแค่ก้าวเท้าออกจากโรงแรม คือเบื่อมากค่ะเวลาทำงานแล้วต้องนอนโรงแรมเครือใหญ่ๆ 5 ดาว เพราะมันเหมือนกันหมดทั่วโลก และเหมือนถูกขังอยู่ในโลกของนักโทษมนุษย์ทำงาน มีแต่คนต่างชาติที่เดินทางมาทำงานเหมือนเรา ถ้าไม่ออกไปทานข้าวนอกโรงแรมก็เหมือนไม่ได้สัมผัสเมืองนั้นเลย แต่ Little Tai Hang แกะโจทย์นี้ทิ้งไปเลย เลิกงานเหนื่อยๆมาก็ยังชิลล์ๆได้แบบสัมผัสความเป็นฮ่องกงโดยไม่ตัองออกไปไหนไกลให้เหนื่อย

และ Little Tai Hang ยังเหมาะกับทริปตะลุยกินฮ่องกงด้วยค่ะ เพราะอยู่ใกล้ทุกอย่างอย่างที่บอก ร้านเด็ดทั้งหลายอยู่ไม่ไกล และย่าน Tai Hang เองยังขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งถนนคนสรรค์กิน ด้วยมีร้านอาหารมากมายซุกซ่อนตัวอยู่อย่างที่เล่าแต่แรก ได้เดินซอกซอนสำรวจไปตามถนนแคบๆ เห็นร้านน่าลองมากมายที่ต้องกลับมาเจาะ ทั้งร้านกาแฟ ร้านราเมง ร้านเกี๊ยว ร้านพิซซ่า ร้านญี่ปุ่น ที่ได้ลองคือร้านข้าวไข่ข้นจากเพิงในตรอกริมถนนที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในฮ่องกง

และร้านโจ๊กที่มีก๋วยเตี๋ยวหลอดขั้นเทพ มีเจ้าถิ่นพาเดินไปทาน ร้านเล็กมากๆโต๊ะเก้าอี้ก็เล็กมาก นั่งเบียดกันอบอุ่นที่สุดเลย นอกจากโจ๊กสารพัดชนิดให้เลือกที่ทำชามต่อชามแล้วยังมีปาท่องโก๋ตัวยักษ์ กับที่เด็ดมากๆคือก๋วยเตี๋ยวหลอดที่นึ่งแป้งแล้วม้วนสดๆ แป้งลื่นคอมากๆสุดยอดจริงๆ โดยเฉพาะไส้หมูแดง ไม่น่าเชื่อว่าตรอกซอกซอยเล็กๆไม่กี่เส้นนี้จะอัดแน่นไปด้วยของกินเด็ดขนาดนี้

เลยโรงแรมไปนิดแต่ไม่ไกล เลิกงานวันหนึ่งเราไป ย่าน Wan Chai ทานห่านย่างที่ร้าน Yat Lok เทพมากค่ะ น้องสาวทานร้านที่ว่าเด็ดมาครบทุกที่แล้วบอกที่นี่ฟันธงเอาที่หนึ่งไปเลย

อันนี้เห็นด้วยมากๆ เนื้อนุ่มหนา หนังกรอบหอมสุดๆ รสชาติยังติดตรึงใจมาจนทุกวันนี้ สั่งห่านสับมาเปล่าๆแล้วสั่งข้าวแยกมา ผัดผักอีกจาน ทานได้เรื่อยๆไม่อยากอิ่มเลย แถมมีไก่นึ่งราดน้ำมันต้นหอมขิงและเกี๊ยวที่สุดยอดอีกด้วย ร้านนี้จะมอมๆเหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวในตึกแถวเก่าๆ โต๊ะเก้าอี้แนวร้านก๋วยเตี๋ยว นั่งเบียดๆกัน ก้นร้านมีจานชามกินแล้วกองสุมๆข้างถังเศษอาหาร แต่จงลืมๆมันไปซะแล้วมองแต่อาหารบนโต๊ะ ถ้าติดใจสั่งทั้งตัวห่อขึ้นเครื่องถือกลับบ้านได้ด้วย

เลิกงานอีกวันไปร้าน Fook Lam Moon ชิมหมูตัวน้อยย่างอร่อยแบบไม่เคยทานอะไรแบบนี้ เป็นหมูหันที่หั่นมาทั้งเนื้อหนังมีมันแทรกกลางเหมือนหมูสามชั้น แบบนี้เป็นสไตล์ของที่นี่ ต้องกลั้นใจลืมอ้วนชั่วคราว ที่ต้องลืมอ้วนอีกอย่างก็ลิ้นเป็ดพะโล้กับขาห่านหม้อดิน โอยๆๆ

ใครติดใจหมูหันตัวน้อยของ Fook Lam Moon ต้องตามไปชิมร้าน Seventh Son เป็นร้านของลูกชายคนที่เจ็ดของพ่อที่มาเปิดเองโดยคงความอร่อยดั้งเดิมไว้และพัฒนาให้ล้ำไปอีก จนปัจจุบันว่ากันว่าเป็นหมูหันที่เด็ดที่สุดในฮ่องกงแซงต้นตำรับพ่อไปเลย ต้องโทรจองหมูล่วงหน้าหนึ่งวัน พอชิมแล้วต้องบอกว่าอร่อยกว่าพ่อจริงๆ หนังหมูกรอบร่วนไม่เหมือนหมูหันร้านใดอื่นเลย ทานได้ทั้งหนังและเนื้อโดยที่ไม่ต้องเอาไปปรุงอะไรเพิ่มอีก อร่อยมากๆ อย่างอื่นก็อร่อยเช่นไก่ย่าง หมูกรอบ แต่เสี่ยวหลงเปากลับเฉยๆ เอาเป็นว่าไปทานหมูหันอย่างเดียวก็เกินคุ้มแล้ว

ทีนี้กลับมาย่าน Tai Hang ที่พัก เกริ่นไว้แล้วว่าย่านนี้มีร้านอาหารเด็ดๆมากมาย แต่ที่ขอเลือกมาเล่าแบบ “กินเหนือฟ้า” ต้องร้าน Second Draft ที่อยู่ในตึกเดียวกับโรงแรม Little Tai Hang ที่เราพักนี่เอง

เชื่อหรือไม่ว่าฟ้าไปฮ่องกงครั้งสุดท้ายนั้น (ไม่นับแวะเปลี่ยนเครื่อง) ร่วม 30 ปีแล้วทีเดียว! ดังนั้นเมื่อมีเหตุต้องไปในครั้งนี้ จึงต้องขอตัวช่วยจากผู้เชี่ยวชาญฮ่องกงตัวจริง โดยเฉพาะเรื่องกิน บังเอิญน้องสาวเป็นเพื่อนกับ “พี่แป๋ว” จากเพจ eatlike852 ที่ดังมากๆ และมีหนังสือตะลุยกินฮ่องกงที่ขายดีมาก แฟนเหนือฟ้าหลายคนคงรู้จักดี เลยปรึกษาน้อง”พี่แป๋ว”ว่า ขอแนะนำร้านอาหารเด็ดที่พี่แป๋วยังไม่ได้รีวิวให้หน่อย แต่ต้องอร่อยและถูกจริตแบบกินเหนือฟ้า จะได้มาเขียนรีวิวแข่งกับพี่แป๋วบ้าง

พี่แป๋วบอกว่า ในตึกโรงแรมที่พี่อยู่เลยอะ มันมีร้าน Second Draft ที่เชฟและเจ้าของคือ May Chow เพิ่งได้เป็นเชฟหญิงแห่งเอเชียคนล่าสุด แนวอาหารเป็นแบบฟิวชั่นลูกผสมฝรั่งและจีน พี่แป๋วแนะนำเมนูเฉพาะมาเลยว่าต้องชิม Mapo Burrata ที่บิดเอาชีสบูราต้าสดมาใช้แทนเต้าหู้กินกับหมูสับผัดซอสมาโปของเสฉวน ฟังแล้วเข้าทางเหนือฟ้ามาก แถมอยู่ในโรงแรมอีก จองเลยสำหรับคืนสุดท้ายในฮ่องกงหลังเสร็จงาน ไม่ต้องเหนื่อยออกไปไกล และได้พักท้องสลับจากบรรดาหมูสามชั้นหมูหันและเป็ดห่านบ้าง

ร้านเป็นสไตล์ gastropub แต่งง่ายๆดิบๆมืดๆ มีบาร์เต็มหนึ่งผนัง รอบๆเป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้เหมือนโรงอาหาร อุปกรณ์การกินวางใส่กล่องไม้ไว้บนโต๊ะให้หยิบเอาเอง ไม่มีการจัดโต๊ะแบบพิธีรีตองให้เรื่องมาก เมนูก็มีไม่กี่อย่าง แต่ว่าดูแล้วน่าลองทุกอย่าง เราไปกัน 5 คน คอกินทั้งนั้น เลยสรุปว่าสั่งโลดกวาดไปเกือบครบทั้งเมนูมาชิม

เริ่มที่เครื่องดื่มก่อน ที่นี่เด่นเบียร์ (ถึงชื่อ Second Draft มั๊ง) แอบชิมเบียร์ของน้องสาว 2 ชนิด อัน IPA ท้องถิ่นนั้นเด็ดสุดๆ หอมเหมือนสารพัดดอกไม้ กลิ่นก่อนกระดก ระหว่างอยู่ในปาก และหลังกลืนไม่เหมือนกันเลยสักกลิ่น ไล่กันมาเป็นริ้วๆเหมือนลมพัดดอกไม้หลายพันธุ์ในสวน เทพมากค่ะ และแอบชิมไวน์ประหลาดของเพื่อน สีแดงใสๆและรสเปรี้ยวหวานเหมือนดื่ม vinegar มากกว่า ของฟ้าเองลองค็อกเทล 2 อย่าง ที่ติดใจจนต้องสั่งซ้ำคือ Thyme After Time เป็นว้อดก้าและหยอดด้วยพริกและไทม์ คือเป็นคนชอบดื่มค้อกเท็ลใส่บรรดาสมุนไพรอยู่แล้ว และถ้ามีใส่พริกลงไปให้เผ็ดด้วยนี่ชอบมาก ถ้าเห็นต้องสั่งเลยเพราะหาคนทำยาก และที่นี่ประดิษฐ์มาอร่อยมากค่ะ ต้องชมว่าร้านนี้ช่างกล้าในการเล่นกับรสชาติ ต้องขอคารวะเรื่องนี้จริงๆ

ของกินเล่นอย่างแรกแกล้มเหล้าเราสั่ง Ink croquette ชอบอยู่แล้วคร็อกเก็ต นี่มาแปลกเพราะทำจากปลาหมึกและใส่หมึกดำปี๋มาด้วย เข้าปากไปคำแรก โอเทพมาก ครีมมี่และเข้มข้นด้วยหมึกพร้อมความกรุบของหมึกบดชิ้นจิ๋วๆ ถ้าไม่เกรงใจว่าสั่งอาหารไปแล้วอีกทั้งเมนูก็จะสั่งคูณสามมาเป็นจานหลักเสียเลย

สลัด Honey Pea Salad มาเป็นผักเขียวสดสวยทั้งจานพูน มีถั่วฮันนี่ซอยมาคลุกเจือกับผักกาดนิดๆและผักชีในเดรสซิ่งน้ำส้มสายชู กรอบกร้วมสดรู้สึกสดชื่นท้องสะอาดมาก จานนี้ทานได้เป็นกาละมังแน่นอน

Beetroot & Avocado อันนี้ของโปรดทั้งหัวบีทรูทและอโวคาโดแต่ฟ้ากลับว่าเฉยๆ จืดๆไม่ได้รสชาติอะไรเท่าไรนอกจากรสสดๆตามธรรมชาติของเขา แต่เพื่อนร่วมโต๊ะว่าความอร่อยอยู่ที่ถั่ววอลนัทเคลือบน้ำตาลซึ่งฟ้าขอแยกมาเพราะทานไม่ได้ อันนี้เลยไม่กล้าฟันธง 100% ค่ะ

และ Mapo burrata ที่พี่แป๋วแนะนำก็มา อันนี้ทุกคนร้องว้าวและเทคะแนนให้โดยพร้อมเพรียง ฟ้าว่าอร่อยกว่าสูตรดั้งเดิมที่เป็นเต้าหู้เสียอีก ที่สำคัญคือนางคิดได้ยังไง สมควรได้ตำแหน่งเชฟหญิงแห่งเอเชียค่ะ

จานหลักที่ทะยอยมาอร่อยหมดไม่แพ้กัน Flower Crab Pasta คล้ายคาโบนาร่าแต่ใช้เส้นบะหมี่ไข่เซี่ยงไฮ้คล้ายเส้นอุด้งแทนพาสต้า มีกระดองน้องปูสีแดงวางประดับยอดมาน่ารัก พอยกขึ้นก็เจอไข่แดงดิบซ่อนอยู่ เราก็เจ๊าะแล้วคลุกๆให้เข้ากันทั่วกับซอสครีม เนื้อปูหวานแทรกอยู่ทั่ว รสชาติดีทีเดียวแต่ฟ้าว่าฟ้าน่าจะชอบเส้นพาสต้าอิตาเลียนปกติมากกว่า

Hanger Steak ในเมนูเขียนไว้เลยด้วยตัวแดงใหญ่ว่า มาดิบ rare สถานเดียว คอกินสเต็กตัวจริงต้องดิบแบบผิวนอกเกรียมเป็นแผ่นบางๆหุ้มเนื้อในที่แดงจัดนุ่มและสุกน้อยเท่านั้น ปกติฟ้าไม่สั่งสเต็ก rare เพราะส่วนมากจะมาดิบแบบสักแต่ดิบ ประมาณว่าผ่านไฟน้อยก็เรียกว่า rare แล้วจบ แบบนั้นเนื้อดิบก็จริงแต่ไม่หวานหอมเพราะไม่มีความไหม้นิดๆของผิวนอกที่เกรียมกรอบ ซึ่งนอกจากจะเก็บความหวานของเนื้อไว้ข้างในแล้ว ยังให้ผิวสัมผัสกรอบกรุบที่ตรงข้ามกับความนิ่มของเนื้อดิบด้านใน และกลิ่นควันไหม้นิดๆที่ช่วยกลบคาวเนื้อ เป็นหยินหยางแห่งการกินเนื้อโดยแท้ แต่ถ้าเจอเทพที่ทำ rare steak ได้อย่างที่ว่านี้เท่าไหร่เท่ากัน และ May Chow ทำได้ค่ะ

สุดท้ายจานที่เรียกซื่อๆว่า Pork Leg และบรรยายไว้แค่ว่า ขาหมูตุ๋นนานๆเปื่อยๆในเบียร์มากับผักกรอบและข้าวก็มาเสิร์ฟ พอยกมาวางก็เรียกเสียงฮือฮา เพราะมาในกระทะข้าว Paella แบนใหญ่ บนข้าวที่แผ่รองพื้นมาบางๆมีขาหมูสีดำเข้มดูชุ่มฉ่ำวางอยู่ พอเราต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาจะถ่ายรูปคนเสิร์ฟก็บอกว่าให้ถ่ายวิดิโอ แล้วเขาก็จัดการตัดชำแหละเลาะกระดูกขาหมูให้และแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆพร้อมคลุกเคล้าเบาๆกับข้าว เราจึงเห็นว่าใต้ข้าวนั้นมีผักกาดดองรองอยู่อีก ทุกคนร้องว่า ว้ายนี่มันข้าวขาหมูนี่นา ชัดๆเลย แล้วเราก็ว่าตายแล้วนี่เรากินข้าวขาหมูราคา 2,500 บาทกันหรือนี่ (จานนี้ 500 เหรียญฮ่องกง แต่เป็นจานใหญ่มากที่แนะนำให้แบ่งกันหลายคน) แต่พอตักเข้าปากทุกคนร้องว่านี่มันตัวพ่อของข้าวขาหมูเลยนะเนี่ย คือมันอร่อยมากถึงมากที่สุด ฟ้าเป็นคอกินข้าวขาหมูขั้นเซียนบอกเลยว่าเทพของแท้ หนังนุ่มลื่นไม่มันหวานเนียนดึ๋งๆถูกใจที่สุด เนื้อเปื่อยละลาย ผักกาดดองก็กรอบอร่อย ข้าวไม่นิ่มเกินไป คงให้ความรู้สึกว่าไม่เอเชียเสียทีเดียว คือจานนี้ฟ้าทานเข้าไปเยอะมาก มันหยุดไม่ได้แม้จะเป็นจานสุดท้ายที่ต้องแอบขยับกางเกงแล้ว

อิ่มมากแต่มีกองเชียร์ว่าสั่งขนมเถอะ ขนมมีอย่างเดียวคือ Creme Brûlée มันฟังธรรมดามากแต่เราลงความเห็นกันว่า ที่ผ่านมาอร่อยขนาดนี้ คุณ May Chow เธอต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่ ยิ่งกล้าลงขนมเมนูเดียวด้วยอย่างนี้ เราจึงสั่งมา 2 ที่แบ่งกัน 5 คน ขนมมาหน้าตาเรียบง่ายในกระปุกขวดโหลแก้วแบบที่มีลวดเหล็กล็อค แต่พอตักเข้าปาก โห มันเนียนนุ่มหนึบ เหมือนสังขยามากกว่าเครมบรูเลฝรั่งที่เบาละลายในปาก อันนี้หนึบมันเข้ม และที่สำคัญอุณหภูมิมาเย็นจัดพอดีเป๊ะกับความเนียนละไมนั้น คิดว่าถ้าให้ทานคนเดียวก็หมดนะคืนนั้น

ทุกคนมีความสุขมาก แย่งกันโพสต์รูปอาหารบรรยายความอร่อย พี่แป๋วรีบเขียนมาถามว่า อาหารผ่านไหมคะ เธอบอกลุ้นแทบแย่กลัวเราไม่ชอบ แป๋วจ๋ามันเหนือฟ้ามาก กินเหนือฟ้าต้องขอคารวะ และขอบคุณพี่แป๋วมากที่แนะนำให้ เสียดายจริงๆที่แป๋วหนีลูกมากินด้วยไม่ได้ ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้ ถึงจะไม่มีเหตุให้ได้ไปฮ่องกงบ่อยๆ พี่ฟ้าคงต้องคอยตามอ่านตามกินเพจ eatlike852 ของพี่แป๋วประจำแล้วล่ะค่ะ

หมายเหตุ ปรับเนื้อหาจากโพสต์ใน Facebook ของเพจ เที่ยวเหนือฟ้า Travelling Beyond Sky

Credit ภาพเพิ่มเติม Dome Promayorn

2 COMMENTS

  1. Wow….เด็ดสุดๆ น่าตามรอยมากๆ เลยค่ะ
    ท่องจำชื่อโรงแรม กะร้าน Second Draft ไว้รัวๆ ค่า
    ขอบคุณนะค้า

    • ยินดีค่า อร่อยไหมมาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ

Comments are closed.