ถ้ากูเกิ้ลเมืองที่โรแมนติกที่สุด ไม่ว่าจะเข้าไปดูอันดับของสำนักไหน จะต้องวนเวียนอยู่แถวปารีส เวนิส ฟลอเรนส์ ฮาวาย อย่างแปลกหน่อยก็จะมีบรูจช์ ชารส์ลตัน หรือควีเบ็ค ติดมาบ้าง เอ…มันยังไง ฉันคงจะเป็นคนชอบประเทศโลกที่สามเอาอย่างจริงๆจังๆ เมืองโรแมนติกในมุมมองของฉันมันจึงมีแต่เมืองในโลกที่ 3 ทั้งนั้นเลย พอนั่งนึกและฟันธงได้มาแล้วว่าสามแห่งที่ไหนที่เป็นสุดยอดในใจ มานั่งพิจารณาดูพบว่าแต่ละเมืองล้วนมีสีสันรัญจวนใจ มีความเป็นเมืองเก่าที่ลึกลับและวัฒนธรรมที่แปลกแตกต่างน่าค้นหา เป็นที่ที่ฉันพร้อมจะเต้นรำกลางถนน หรือเร้นกายแฝงไปกับคนพื้นเมือง นิยามความโรแมนติกของฉันไม่ใช่ดินเนอร์ในจานเงินที่มากับกุหลาบช่อโตและเสื้อผ้าดีไซน์เนอร์หรูกริบ ปารีส เวนิส ฮาวายจึงไม่ใช่เมืองโรแมนติกของฉันเลย งั้นมาดูกันว่าเมืองโรแมนติกที่สุด 3 เมืองแบบเหนือฟ้านั้นคือที่ไหนบ้าง
1. Havana, Cuba
เมืองฮาวาน่า ประเทศคิวบา เมืองที่หยุดเวลาเอาไว้ห้าสิบกว่าปีแล้ว ไปแล้วเหมือนก้าวเข้าไปอยู่ในหนังพีเรียดย้อนยุค รถอเมริกันคันโตสีลูกกวาด บ้านเรือนสีหวานที่ปูนกะเทาะและระเบียงลูกกรงเหล็ก ป้าอ้วนในเสื้อลูกไม้และกระโปรงยาวสีสดคาบซิการ์มวนโต ดนตรีซาลซ่าที่ดังล่องลอยอยู่ในอากาศทั่วทุกมุมตึก ร้านอาหารสุดจะโรแมนติกที่เป็นบ้านบนชั้นบนสุดของตึกเก่าปูนกะเทาะที่รัฐบาลคอมมูนิสต์จัดสรรแบ่งปันให้แต่ละครอบครัวอยู่กันเล็กๆ ถึงจะเป็นคอมมูนิสต์และผู้คนขาดแคลนของกินของใช้ แต่ศิลปะ ดนตรี และความรักก็อวลอยู่ในอากาศ โรแมนติกที่สุดอย่างที่ไม่มีบรรยากาศประเทศใดเหมือน ใครไม่เคยไปขอบอกว่าต้องรีบไปก่อนที่คิวบาจะเปิดประเทศและสเน่ห์จะหายไป อ่านเรื่องโรแมนติกแบบเต็มๆของคิวบาได้ในหนังสือ คิวบา อดีตณ.ปัจจุบัน The Past in Present Cuba ค่ะ หลายคนไปเที่ยวตามและตกหลุมรักมาแล้ว
2. Marrakech, Morocco
เมืองที่เหมือนหลุดเข้าไปเมืองของอลาดินและเจ้าหญิงจัสมิน บรรยากาศซุคหรือตลาดที่ประกอบไปด้วยร้านเล็กร้านน้อยเรียงติดๆกันแผ่กว้างใหญ่เป็นซอกเล็กซอกน้อย ละลานตาไปด้วยสีสันของข้าวของสารพัน เหมือนเขาวงกตที่วกวนชวนหลงและยังเย้าใจให้เดินหลุดออกจากเส้นทางอีกด้วยสีสันมายาของสินค้าทั้งหลาย กระเบื้องจานชาม ผ้าผวยพันกาย บรรดาของแต่งบ้าน ตะเกียง โคมไฟ เครื่องเทศกองพูนสีสันสดใส หากในความวุ่นวายมีชีวิตชีวาของการซื้อขายนี้ กลับมี Riad หรือโรงแรมบูทีคสวยเก๋ที่บูรณะมาจากบ้านเก่าซุกหลบอยู่หลังกำแพงสูงมากมาย แต่ละแห่งล้วนตกแต่งได้บรรยากาศโรแมนติกอย่างแรง ด้วยคอร์ทยาร์ดประดับด้วยต้นปาล์มและกลีบกุหลาบชมพูในอ่างทองเหลือง ม้านั่งตั่งเก้าอี้ล้วนปูลาดด้วยผ้าผวยแพรพรรณ แหวกม่านเข้าห้องนอนไปก็แต่งสไตล์โมร็อคคันด้วยกระจกสี ไม้ และทองเหลือง อ่างอาบน้ำเป็นบ่อปูนทาสีแดงเข้มขุดลงไปในพื้นพร้อมฝักบัวทองเหลือง ไม่มีโรงแรมแบบไหนในโลกจะเย้ายวนชวนโรแมนติกเท่าริยาดแบบโมร็อคคันอีกแล้วขอบอก อ่านเรื่องเต็มของมาร์ราเกชได้ในหนังสือ พันหนึ่งทิวามนตรามาร์ราเกช พิมพ์ปี 2008
ตกกลางคืนลานกลางเมือง ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา แผงอาหารเปิดไฟขายอาหารควันโขมง กินทาจินแกะกับคุสคุส อินทผาลัม แล้วเดินมาดูแขกเป่าปี่เรียกงูออกมาจากตะกร้า กับนักเล่านิทานสดที่คนล้อมวงดูกันแน่นทุกคืน นี่มันบรรยากาศเมืองแขกอลาดินชัดๆ พอง่วงก็เดินเลาะหลบหลีกผู้คน ตวัดผ้าผวยบางปิดหน้าแล้วหลบย่องเข้าซอกหลืบมืดระหว่างร้านค้าในซุค แทรกกายเข้าไปในริยาด พลันเสียงคึกคักของปี่กลองและคำสนทนาก็พลันเงียบ เหลือแต่ความสงัดและสงบงามประหนึ่งวังเวียง ราวกับเราเป็นเจ้าหญิงปลอมตัวหนีออกไปเที่ยวเมือง จะไม่โรแมนติกอย่างไรไหว เอาหอไอเฟลมาแลกสามหอก็ยังไม่ยอม
3. Antigua, Guatemala
เสน่ห์เมืองละตินอเมริกาทำให้ฉันหัวใจละลายเสมอ แต่เมืองที่สวยกลมกล่อมได้สัดส่วนลงตัวไปทุกอย่าง เหมือนเดินอยู่นอกโลกของความเป็นจริงคือ แอนติกัว ประเทศกัวเตมาลา อีกหนึ่งในประเทศที่ฉันรักมาก แอนติกัวมีขนาดกำลังดี เดินได้ทั่ว ถนนปูหินโบราณ บ้านเรือนสองฝั่งถนนเป็นตึกสไตล์ยุคอาณานิคมทาสีสันสดใสแซ่บแบบละตินอเมริกา ในระหว่างบ้านเรือนที่คนอยู่นี้เดี๋ยวก็มีโบราณสถานมาแทรก อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนสวยงาม ร้านอาหารคาเฟ่บาร์เก๋มีแทรกในตึกเก่าโดยไม่ทำลายบรรยากาศเมืองมรดกโลก ร้านขายของไม่เยอะเกร่อจนอารมณ์ล่านักท่องเที่ยวมากลบความน่ารักแบบพื้นเมือง โรงแรมบูทีคในบ้านตึกเก่าพร้อมคอร์ทยาร์ดที่มีโต๊ะกินข้าวริมสระน้ำ ร้านอาหารที่มีโต๊ะแค่สองโต๊ะกับสตูลสูงสองตัวหน้าเคาน์เตอร์ พ่อครัวทำกับข้าวให้เห็นจะๆหลังเคาน์เตอร์นั้น ร้านเล็กมากแต่อาหารที่พ่อครัวจบกอร์ดองเบลอรสชาติไม่เล็กเลย โต๊ะที่จะโชคดีมากถ้าจองได้นี้เล็กจิ๋วจนต้องนั่งใกล้ชิดสนิทแนบกัน แม้เปลวเทียนมลังเมลืองตรงหน้าและก้านกุหลาบในแจกันจิ๋วก็แทบจะไม่มีที่ให้แทรกระหว่างเรา แล้วจะไม่โรแมนติกยังไงไหว ยามเย็นขึ้นไปบนเขา ดูพระอาทิตย์สีส้มตกเป็นฉากหลังของเมืองและเห็นภูเขาไฟอยู่ลิบๆ เหมือนมีเสียงบอกว่า เมืองเก่าโบราณที่มีซากปรักหักพังแทรกระหว่างบ้านเรือนซึ่งซุกตัวอยู่ระหว่างอ้อมกอดของภูเขาไฟนี้ เป็นพยานของความรักนิรันดร์ที่ว่ายเวียนมาเกิดผูกพันกันหลายชาติหลายภพแล้ว โอ๊ย…อย่างกับนิยาย อย่าว่าน้ำเน่าเลย แต่ไม่สามารถบรรยายเป็นอื่นได้จริงๆค่ะ
3 เมืองโรแมนติกแบบเหนือฟ้า อาจจะไม่เหมือนสำนักอื่น แต่ความโรแมนติกเป็นเรื่องเฉพาะตัว แบบเหนือฟ้าต้องเย้ายวนลึกลับเหมือนต้องมนตร์ ไม่เปิดหมดแต่แย้มเผยอนิดๆ และมี”อะไร”ในบรรยากาศที่ทำให้ตกหลุมรักได้อย่างไม่มีคำอธิบาย
ชอบเมืองที่สองที่สุดค่ะ
ที่สวยๆทั้งนั้นค่ะ
ราคาไม่ค่อยแพงด้วยค่ะ
น้องฟ้าเขียนได้ดีมากค่ะ
เคยไปMorocco สวยมากๆ
ทุกโรงแรมเลยค่ะ
แต่อย่างหนึ่งที่ต้องระวัง
เวลาขับรถ ต้องขับตามที่เขาตั้งไว้
ไม่งั้นจะเจอตำรวจ..ตามสุมพุ่มต้นไม้..
Comments are closed.