แคว้น Alsace ของฝรั่งเศสนี่มีหมู่บ้านในนิทานเยอะจริงๆ เก็บเท่าไหร่ก็ไม่หมด แถมอยู่ติดๆกันเสียด้วย ทำให้เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือสามารถเก็บเที่ยวได้หมดไม่ต้องเดินทางไกล แต่ข้อเสียก็คือการที่มันเยอะและน่ารักไปหมดนี่แหละ ทำให้หลายคนตัดใจเลือกไม่ได้ว่าจะไปที่ไหนดีหากเวลาจำกัด
ส่วนเรานั้นโชคดีที่กลุ่มเมืองพวกนี้อยู่ห่างจากเมืองซูริกที่เราอาศัยอยู่ไปขับรถแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมงเอง และเรายังขับรถไปมาระหว่างเบลเยี่ยมกับมาสวิตเซอร์แลนด์บ่อยๆ ซึ่งต้องผ่านแคว้น Alsace แต่ละครั้งเราจึงวางแผนแวะเที่ยวและทานอาหารที่เมืองพวกนี้แทบทุกครั้ง เก็บไปเรื่อยๆ หลังจากที่ไปเที่ยว Riquewihr Eguisheim Hunawihr และ Colmar มาแล้ว คราวนี้เราก็ได้แวะไปชมความน่ารักของเมือง Ribeauvillé กัน
จะว่าไปแล้วหมู่บ้านน่ารักในย่านนี้ทั้งหมดก็มีความคล้ายคลึงกันมากทีเดียว ลักษณะบ้านเป็นหลังเล็กๆหน้าตาแบบบ้านในเยอรมนีที่มีไม้ซุงพาดแทรกอยู่ในปูนที่เรียกว่า Half-timber และเก่าแก่ตั้งแต่สมัยยุคกลาง ทาสีลูกกวาดสวยน่ารักเหมือนบ้านในนิทานเหมือนๆกัน พลเมืองก็มีแค่หน่วยเป็น 100 หรือ 1000 คนเท่านั้นเหมือนกัน เศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวและการทำไวน์เหมือนกัน แต่ฉันว่าแต่ละแห่งก็มีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันไปที่ทำให้น่าไปชมทุกแห่ง Eguisheim มีผังเมืองเป็นวงกลมซ้อนกันสองวงทำให้เดินวนมาบรรจบที่เดิมได้ Riquewihr มีสีสันจัดจ้านสวยงามคึกคักและมีหอนาฬิกาใหญ่ ตรอกเล็กซอยน้อยน่าเดินสำรวจให้ทั่วเป็นที่สุด ส่วน Ribeauvillé นี้มีผังเมืองเป็นเส้นให้เดินตามยาวจากด้านหนึ่งทะลุไปอีกด้านหนึ่งได้ ทำให้เดินง่ายไม่งง และมั่นใจว่าเก็บรายละเอียดได้ครบแน่ ร้านอาหารน่ารักเรียงเต็มสองข้างทาง ยิ่งถ้าไปหน้าร้อนอากาศดีๆท้องฟ้าสดใสยิ่งบรรยากาศดีสุดๆ ถ่ายรูปออกมาสีสันจัดจ้านสวยขึ้นกล้องมากๆ ส่วนหน้าหนาวถึงจะอึมครึม แต่ก่อนคริสต์มาสก็จะได้อารมณ์เทศกาลคึกคักไปอีกแบบ แต่งตัวอุ่นๆเดินชมตลาดจิบไวน์ร้อนๆ ก็ทำให้มีความสุขหายหนาวได้
ใครผ่านไปเที่ยวแถว Strasbourg หรือ Colmar ควรจัดเวลาแวะไปชมเมืองเหล่านี้เสียหน่อย เพียงแค่ 2- 3 ชั่วโมงเท่านั้น เหมือนได้ถอยเวลากลับไปเป็นเด็ก หรือกระโดดเข้าไปอยู่ในหนังสือนิทานอย่างนั้นเลย
ความยากในการเก็บทุกเมืองเล็กให้หมดนี้คือการเดินทาง แม้แต่ละเมืองจะอยู่ห่างกันแค่ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง แต่การเดินทางระหว่างเมืองต้องพึ่งรถเมล์เท่านั้น ดังนั้นจึงเสียเวลาและต้องกำหนดให้ตรงเวลารถ แทนที่จะทำเวลาได้ กลับทำให้เที่ยวได้แค่อย่างมาก 2 เมืองใน 1 วัน โดยต้องตั้งหลักที่ Strasbourg หรือ Colmar แต่ถ้ามีรถขับ (ซึ่งค่าเช่ารถในฝรั่งเศสก็ไม่แพงมาก) ทีนี้ละก็สามารถลุยได้ 3-4 เมืองทีเดียว
ใครที่ต้องตัดใจเลือกว่าจะไปเมืองไหนดี ดูเรื่องแต่และเมืองที่เคยเขียนไว้ได้ที่ลิงค์ได้เลย