มันก็ต้องมีบ้างหละ ที่ผู้หญิงทุกคนจะขอหนีลูกและสามีไปเที่ยวกันตามประสาสาวๆ เม้าท์มอยเรื่องไร้สาระ พักผ่อน นั่งๆนอนๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องปรนนิบัติใคร ศุกร์เสาร์-อาทิตย์นี้ฉันเลยหนีเที่ยวเป็น Girlfriend getaway trip กับเพื่อนสาว ไชโย!

หมู่บ้าน Adelboden และโรงแรม The Cambrian นี้เป็นหนึ่งใน Bucket list ที่ฉันอยากมามานานแล้วแต่หาจังหวะไม่ได้เสียที มันเป็นโรงแรมบูทีคขนาดเล็กที่วางตัวอยู่กลางธรรมชาติ ล้อมด้วยภูเขาทางใต้ของคันโตน Bern มีลิฟท์สกีอยู่ในหมู่บ้านเลย หน้าหนาวก็สามารถมาสกีได้ ส่วนหน้าร้อนก็มาเดินเขาบนภูเขาได้ สัปดาห์นี้จังหวะพอดีมีเพื่อนสนิทมากชาวฟิลิปปินส์ที่เคยทำงานด้วยกันแต่ตอนนี้เธอย้ายไปอยู่ลอสแองเจลีส แวะมาทำงานที่เจนีวาสองสัปดาห์ เราจึงได้จังหวะนัดกันมานอนเล่นชิลล์ๆคุยกันหนุงหนิงแบบสาวๆอัพเดทชีวิตเสียหน่อย โจทย์ที่เธอให้มาคือขออยู่กับธรรมชาติเงียบๆสบายๆ เข้าทางเลย เพราะที่นี่นั่งรถไฟมาจากทางซูริกและเจนีวาจะมาเจอกันตรงกลางโดยใช้เวลาเท่าๆกันพอดี และโรงแรมนี้ยังมีจุดเด่นที่มีสปาเวลล์เนสแบบสวิสแท้ให้เราแช่น้ำนอนนวดท่ามกลางธรรมชาติด้วย

คืนวันศุกร์ถึงโรงแรมหัวค่ำ พระอาทิตย์ฤดูร้อนยังสว่างจ้าไม่มีวี่แววจะตก ห้องนั่งเล่นหรือ Winter garten ของโรงแรมโผล่เข้าไปแล้วทุกคนต้องร้อง “ว้าว” เพราะวิวอลังการมาก ผนังห้องทั้งสามด้านเป็นกระจกตั้งแต่พื้นจรดเพดาน เปิดเห็นวิวหุบเขาและเนินเขาตรงข้ามเขียวชอุ่ม มีบ้านแบบกระต๊อบชาเล่ต์แบบสวิสกระจายกันไปตามเนินหญ้าสดขจี สวยขาดใจแบบสวิสมากๆ เราเลยนั่งแหมะดริ้งค์และเม้าท์มอยลากยาวกันอยู่ในโรงแรมตรงนั้นไม่ต้องไปไหนเลยทั้งคืน ตั้งแต่สว่างจนแดดราและอาทิตย์อัสดงจนตกไป มีความมืดเข้ามาปกคลุม เก็บบรรยากาศแสงทุกสีเป็นน้ำจิ้มก่อนคืนแรก

วันต่อมาเป็นวันแห่งความขี้เกียจทั้งวันก็บอกแล้วว่าเป็น Girlfriend getaway weekend มันก็เลยมีแต่นั่งๆนอนๆกินๆดื่มๆ เมาท์มอยๆ นวดๆ และเข้า Wellness แบบสวิส ที่มีทั้งบ่อน้ำอุ่นกลางแจ้งที่มีสายน้ำนวดตัวนวดไหล่นวดขา มีสระว่ายน้ำอินดอร์ให้ว่ายออกกำลัง และเวลล์เนสที่มีห้องสตีมห้องซาวน่า และสารพัดวารีบำบัด เสียดายในห้องเวลล์เนสเขามีกฏให้ทุกคนเปลือยกายหมดและห้ามถ่ายรูป ก็เลยอดเก็บรูปข้างในมาอวด

โชคดีที่เราเลือกไปใช้บริการในช่วงเวลาที่ไม่มีแขกคนอื่นเลยนอกจากเราสองคน จึงเหมือนเป็นเวลล์เนสส่วนตัวจริงๆ และตรงสระว่ายน้ำอุ่นเอาท์ดอร์ที่แช่แล้วมองออกไปชมวิวภูเขาเขียวชอุ่มแบบสวิสที่มีบ้านไม้กระต๊อบกระจายกันบนเขานั้น บอกเลยว่าวิวหลักล้านจริงๆ

ส่วนโรงแรมโดยรวมนั้น ต้องตอบว่าก็ดีไม่มีอะไรให้บ่น แต่จากภาพที่เคยเห็นยั่วจนอยากจะมาเหลือเกินนั้น ฉันคาดหวังเอาไว้ว่ามันจะสวยและเอ็กซ์คลูซีฟกว่านี้ เอาเข้าจริงพบว่าที่นี่มีห้องเยอะเกินไปนิด ไม่ใช่แนวโรงแรมขนาดเล็กแบบเหนือฟ้าเท่าไหร่ และมีนักท่องเที่ยวนานาชาติเยอะเลย สระว่ายน้ำที่ว่าสวยนี้ ของจริงก็พบว่ามีหมู่บ้านและถนนคั่นอยู่ระหว่างสระว่ายน้ำกับวิว มันไม่ได้เป็นสระว่ายน้ำที่สร้างอยู่กลางภูเขากลางธรรมชาติ 100% อย่างในรูปที่คาดหวัง คือมันก็สวยมากจนว้าว แต่นึกว่ามันจะ Hidden มากกว่านี้ ดังนั้นจะถามว่าเหนือฟ้าขนาดสุดๆหรือเปล่าก็คงตอบว่าปานกลาง ไม่เหมือนกับโรงแรมของสวิตฯหลายแห่งซึ่งเป็นเพชรในตมที่ไม่ค่อยมีคนรู้สรุปคือผ่านแต่ยังไม่เหนือฟ้าแบบตายๆๆๆๆๆ

ในเมื่อมีเวลาเยอะ นั่งๆนอนๆในโรงแรมและเข้า Wellness แล้ว เราจึงขอไปเดินสำรวจหมู่บ้าน Adelboden กันสักนิด หมู่บ้านนี้ถึงจะเล็กมากแต่ก็เคยเป็นที่จัดแข่งสกีเวิลด์คัพมาแล้ว เพราะบริเวณนี้เป็นบริเวณสกีมีลิฟท์และกระเช้าสำหรับขึ้นสกีออกจากหมู่บ้านได้สะดวกหลายจุดทีเดียว ฉันเคยนึกอยากจะมาสกีที่นี่หลายครั้งแล้วแต่เกรงว่ามันจะเล็กเกินไป หนนี้เลยได้โอกาสสำรวจดูเสียหน่อย

ถนนกลางเมืองเป็นแค่เส้นตรงเส้นเดียวซื่อๆ สองข้างเป็นชาเล่ต์แบบสวิสซึ่งเป็นโรงแรมร้านอาหารและร้านค้า ในวันเสาร์ร้านค้าเปิดกันทุกร้าน คนก็มีไม่มากไม่น้อย แต่สังเกตดูว่ามีแต่คนสวิส แทบไม่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย ร้านที่เราชอบจะเป็นแนวร้านขนมและของกิน มีร้านหนึ่งขายเหล้าและน้ำมันมะกอก โดยไขออกจากถังให้เลือกชิมได้แล้วเราก็เลือกขวดกรอกได้เอง มีของกินที่เหมือนทำเองหลายอย่างเราเลยได้อุดหนุนกันมาพอควร

หมู่บ้านนี้อยู่บนเนินเขา บรรดาร้านรวงต่างๆจึงมีระเบียงให้นั่งมองชมวิวออกไปทางหุบเขา เรียกว่าวิวดีกันทุกร้าน เราจะเดินเข้าไปชมวิวเขาแล้วไม่ใช้บริการก็ไม่มีใครว่า คนสวิสใจดีแบบนี้แหละ ใครว่าคนสวิสดุและแข็งฉันบอกเลยว่าไม่จริง

มองลงไปในหุบเขา เพื่อนที่มาเที่ยวตกใจมากที่เห็นสระว่ายน้ำกลางแจ้งขนาดโอลิมปิกสีฟ้าสดอยู่ เธอบอกว่าหมู่บ้านเล็กนิดเดียวทำไมมีสระว่ายน้ำใหญ่อย่างกับสระสนามกีฬาแห่งชาติอย่างนี้ นี่แหละค่ะคนสวิส เรื่องสุขภาพและการกีฬานี่มาก่อนเลย แถมเรายังตกใจซ้ำอีกเมื่อรู้ทีหลังว่าสระว่ายน้ำในหมู่บ้านที่เห็นนั้น เขาเปิดให้ทุกคนใช้ได้ฟรีไม่ต้องเสียสตางค์เลย!

เดินเล่นดูหมู่บ้าน เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ใช้เวลาไม่นานก็ทั่ว ตกเย็นเลือกร้านอาหารที่ดูถูกจริตบนถนนหลัก เป็นอาหารสวิส ทำมาสวยงามอร่อยคุณภาพดีตามมาตรฐานสวิตฯไม่ผิดเพี้ยน หมู่บ้านนี้มีแต่อาหารสวิสเป็นส่วนมาก เพราะแทบไม่เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเลย

วันอาทิตย์แดดออกกำลังดีไม่ร้อนไม่หนาว ตรงข้ามกับตอนแรกที่นึกว่าฝนจะตก แทนที่เราจะสิงอยู่ในเวลล์เนสและสปาอย่างเดิมที่ตั้งใจ จึงเปลี่ยนแผนว่าออกไปเดินเล่นบนภูเขากันดีกว่า

เราเห็นมีกอนโดล่า 3 กระเช้า 3สีเรียงกันขึ้นไปบนเขาจึงเดินไปดู เพราะสืบมาว่าขึ้นไปบนยอดเขาแล้วเดินลงมาได้ไม่ยากและวิวสวยงามใช้ได้ทีเดียว กระเช้ามีออกทุก 20 นาที ใช้เวลาเพียง 7 นาทีก็ถึงบนยอด เราศึกษาเส้นทางเดินแล้วตัดสินใจเลือกเดินเส้นที่ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งกลับลงมาที่หมู่บ้าน เอาง่ายๆเบาะๆเพราะเพื่อนสาวไม่เคยเดินเขาแบบนี้และเราต้องมาขึ้นรถเมล์เพื่อกลับบ้านให้ตรงเวลาตอน 4 โมงครึ่ง ช่วงแรกเดินง่ายมากๆเพราะทางเรียบ บนยอดเขามีกระต๊อบชาวนาและวัวนอนอยู่ในคอก เพื่อนถามว่าคุณลุงชาวนานี้เขามาอยู่ทำอะไรเสียสูงเชียว ฉันเลยบอกว่าก็คุณลุงกับบรรดาวัวนี่แหละผู้ดูแลให้ภูเขาของสวิตฯเขียวชอุ่มไปด้วยหญ้าที่เรียบกริบสวยงามอย่างที่เราเห็น เคยมีคนถามหลายครั้งว่าทำไมภูเขาของสวิตฯจึงตัดหญ้าได้เรียบงามแบบนี้ทั้งประเทศ คำตอบก็คือเป็นนโยบายของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และแผนการเกษตรกรรมของเขา รัฐจะมีเงินสนับสนุนให้ชาวนาในพื้นที่คอยดูแลให้หญ้าเขียวชะอุ่มและเรียบกริบไม่รกอยู่แบบนี้เสมอ โดยวางแผนปล่อยให้วัวมาเล็มกินตามเวลาในแต่ละฤดูกาล ได้ประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย

ทางเดินไต่เขาลงมาเดินไม่ยากเท่าไหร่ ได้เห็นน้ำตกซึ่งมองเห็นไกลๆตั้งแต่ในโรงแรมและลำธารที่ไหลต่อมาจากน้ำตก เพื่อนแปลกใจมากว่าทำไมคนที่มาเดินเขามีแต่คนสวิสที่แลดูเหมือนอายุ 70 ปีขึ้นไปเยอะมาก คนแก่ที่นี่แข็งแรงและสุขภาพดีจริงๆ เพราะเขาเดินออกกำลังกันจนอยู่ตัวมาตั้งแต่อายุน้อย เห็นแล้วน่าทึ่งและน่านับถือมาก อายุไม่ทำให้พวกเขาต้องถดถอยนั่งจมอยู่แต่ในบ้านเลย

พอเดินลงมาถึงหมู่บ้านชายป่าอีกแห่งหนึ่งถ้าใครเดินไม่ไหวจะนั่งรถเมล์กลับเข้า Adelboden ก็ได้ รถเมล์ฟรีไม่ต้องเสียเงินด้วย แต่เราเลือกเดินต่อ ชายป่าใกล้เมืองมีสถานีให้ออกกำลังเหมือนในป่าตามหมู่บ้านทั่วไปของซูริก มีที่ปิกนิกและเห็นมี Adventure park ที่มีคนโหน Ziplining ข้ามแม่น้ำมาด้วย แลดูน่าสนุก ใครที่ไม่อยากเดินจะเลือกรถไถสองล้อวิ่งไถลลงเขามาด้านล่างก็ได้ เห็นเด็กๆและครอบครัวแล่นกันสนุกลงมาเยอะทีเดียว พอถึงในหมู่บ้าน  Adelboden ก็มีที่ให้จอดคืนรถ แสนจะสะดวกสบายมีหลายทางเลือกให้ใช้ชีวิตกับธรรมชาติและป่าเขาอย่างมีคุณภาพและสุขภาพดีนี่แหละค่ะวันอาทิตย์ของคนสวิสอย่างแท้จริง

และนี่แหละสุดสัปดาห์แบบสาวๆหนีครอบครัว เติมพลังเติมความสนุกให้ตัวเองบ้าง มีพื้นที่ของตัวเอง เพื่อที่จะกลับไปเติมพื้นที่ของครอบครัวให้เต็ม

NO COMMENTS