Thursday, November 21, 2024

วันนี้เราขับรถจากเมือง Gilgit ไป Ghizer Valley ซึ่งปกติควรจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่เราจัดไปถึง 5 ชั่วโมง เพราะเขามีการทำถนนตลอดเส้น และจะเปิดให้รถแล่นผ่านไปได้เป็นช่วงๆ เราจึงเจอช่วงปิดถนนที่ต้องจอดรออยู่เป็นชั่วโมงพร้อมกับขบวนรถคันอื่นๆ ถนนเส้นนี้แคบและลัดเลาะไปตามไหล่เขา บางช่วงที่สร้างเสร็จแล้วก็ลาดยาง แต่หลายช่วงก็เป็นหินก้อนๆ เอามาถมไว้ก่อน เวลารถแล่นไปกระโดกกระเดกหัวสั่นหัวคลอนเลย ถนนไม่มีการแบ่งเลนไม่มีการตีเส้นใดๆ ทั้งสิ้น ใครอยากแซงได้แซงไปฝุ่นตลบอบอวล แต่วิวสองข้างทางนี้สวยขาดใจจริงๆ

ตอนที่พักที่ Karimabad นั้น มี่สถานที่หนึ่งที่เราไปเจอกันเอง ไม่ได้อยู่ในโปรแกรมทัวร์ เหตุเพราะเราขับรถผ่านป้ายหนึ่งริมถนนหลายครั้ง เขียนว่า “1000 Years Old Historic Ganish Settlement “ ป้ายนั้นปักอยู่ริมคูน้ำข้างถนน ดูมอมแมม ถนนตรงนั้นก็สกปรกไปด้วยกองขยะ รกไปด้วยกองไม้ มองเข้าไปตามทางที่ลูกศรชี้ก็เห็นแต่ตรอกเล็กๆ ถนนเป็นดินลูกรัง เหมือนทางเข้าบ้านของชาวบ้านที่น่าจะแออัดกันอยู่ข้างใน ไม่น่าจะมีอะไรให้เที่ยวชมเลย แต่คำบรรยายด้านล่างของป้ายที่ว่า ได้รับรางวัลจาก UNESCO ของการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมมาแล้วถึงสองครั้ง ทำให้เราต้องบอกไกด์ในที่สุดว่า เราอยากจะเข้าไปเที่ยวที่นี่ ช่วยพาไปหน่อยนะค้า

วันนี้เป็นวันแห่งการเดินข้ามสะพานแขวนและ Hiking! วันแห่ง Adventure ที่แท้จริง เรามีแผนเดินบนเขาวันนี้เป็นเวลา 4 ชั่วโมง แต่ก่อนจะเริ่มเดินต้องข้ามสะพานแขวนแห่งแรก คือ Hussaini Suspension Bridge เสียก่อน เพราะเราจะต้องไปเดินอีกฝั่งของแม่น้ำ Hunza สะพานแขวนแห่งนี้มีความยาวถึง 250 เมตร พื้นเป็นแผ่นไม้กระดานวางบนลวดสลิง โดยไม่ได้วางชิดกัน แต่ละแผ่นเว้นห่างๆ มองทะลุลงไปเห็นแม่น้ำข้างล่างอยู่ลิบลิ่วเหมือนแกล้งให้หวาดเสียวเล่นอย่างนั้นแหละ แถมยังแกว่งโยนอีก ฉันต้องจับลวดที่ราวไว้แน่นแล้วเดินไปทีละแผ่นๆ อย่างตั้งใจมากๆ

ประเทศหนึ่งที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะมาเยือนมากๆ แต่ก็ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะตัดสินใจมา กว่าจะพร้อม ด้วยความกลัวลำบาก กลัวเรื่องความปลอดภัย และในที่สุดเมื่อปัจจัยหลายอย่างลงตัวจึงได้มา และก็อยากกลับไปอีก เพราะทริป 11 วันที่ว่าลุยเจาะลึกแล้วนั้น ก็ยังได้ไปเห็นไม่เท่าที่อยากเห็น ด้วยประเทศนี้นั้นช่างมีความหลากหลาย และมีพื้นที่กว้างใหญ่ที่ไม่มีทางชื่นชมได้ครบถ้วนเลยไม่กี่วัน และนั่นก็คือปากีสถานนั่นเอง

อยุธยามีวัดเก่าที่สวยงามมากมายเกินนับ แต่ฉันเพิ่งได้ไปค้นพบวัดแห่งหนึ่งมา ซึ่งแม้จะไม่ได้สร้างในสมัยอยุธยา แต่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 3 หากก็มีความสวยงามชนิดที่ทำให้หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำทีเดียว เพราะสวยทั้งสถาปัตยกรรมและวัตถุโบราณล้ำค่ามากมายที่มีอยู่ในวัด สวยแบบทองแท้ ลุ่มลึก คลาสสิค ไม่โฉ่งฉ่างพาณิชย์แบบที่คนแห่กันไปเช็คอิน

ตุรกีมีซากโบราณปรักหักพังจากยุคกรีกมากมาย เป็นประเทศที่เข้มข้นไปด้วยประวัติศาสตร์ยาวนาน เพราะตั้งอยู่ในบริเวณของอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประวัติศาสตร์มนุษยชาติเลยก็ว่าได้ สิ่งมหัศจรรย์ทั้งเจ็ดของโลกยุคเก่าก็อยู่ในตุรกีหลายแห่ง เช่น วิหาร Artemis ที่ Ephesus ที่รู้จักกันดีหรือซากเมือง Troy ที่แม้ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแต่ก็เป็นที่รู้จักกันดี แต่ตุรกียังมีซากโบราณสถานอีกมากมายที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน เช่น Priene, Miletus และ Didyma ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก เมือง Bodrum ริมทะเล Aegean ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี

พระเยซูประสูติที่เมือง Bethlehem ใน Palestine เราก็ต้องมาชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จากเยรูซาเล็มขับรถมาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี แม้จะต้องข้ามพรมแดนจากอิสราเอลเข้าปาเลสไตน์ก็ไม่จำเป็นต้องมีวีซ่า สถานที่ณ.ตรงจุดที่ประสูติของพระเยซูนั้นปัจจุบันคือโบสถ์ The Church of Nativity ประตูเข้าโบสถ์เป็นช่องเล็กๆในกำแพง ต้องก้มมุดเข้าไป แปลกดี ข้างในกลับกว้างใหญ่มาก ไม่ได้สวยงามชวนตะลึงแต่ก็ไม่มีใครสนใจ ทุกคนมุ่งหน้าเดินตามกันเข้าไปด้านในสุด เข้าคิวกันเพื่อมุดลงไปในช่องที่นำสู่ห้องใต้ดิน ด้านล่างนั้นคือจุดที่พระเยซูประสูตินั่นเอง

Jerusalem คือเมืองศักดิ์สิทธิ์สุดยอดของ 3 ศาสนา คือ ยิว อิสลาม และคริสเตียนและเป็นเมืองมรดกโลกโดย UNESCO เรื่องราวของเยรูซาเล็มนั้นมากมายเข้มข้นยิ่งนัก ตัวเมืองเก่าล้อมอยู่ในกำแพงเมืองซึ่งมีพื้นที่เพียง 1 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น แต่กลับมีสถานที่สำคัญของทั้ง 3 ศาสนาอัดแน่นอยู่ ยังไม่พอ เยรูซาเล็มยังถูกแย่งกันอีกระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ด้วยความสำคัญของเมืองโบราณนี้ต่อศาสนาของประเทศทั้งสอง ทั้ง 2 ประเทศจึงต่างประกาศแต่งตั้งให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของตัว แล้วยังมีการเมืองยุคใหม่เรื่องดินแดน West Bank และฉนวนกาซ่ากันอีก ตุงนังมาก

สายอาร์ต สายเคลื่อนไหวเพื่อมนุษยชาติและสังคม สายการเมือง เชิญทางนี้ เที่ยวเหนือฟ้าจะพาไป Bethlehem ที่ Palestine เพื่อชมอะไรที่ตะลึงตึงตัง และโดนใจอย่างแรง มาอิสราเอลคราวนี้ฉันมี Mission หนึ่งอย่าง คือจะไปแกะรอยตามล่าหาภาพวาดบนกำแพง Separation Wall ของศิลปินนิรนาม Banksy กันที่ Bethlehem นั่นเอง Banksy คือใคร แล้วเขามาวาดภาพอะไรที่กำแพงแบ่งแยกดินแดนอิสราเอล-ปาเลสไตน์นี่

ฉันได้ยินคนพูดให้ฟังหลายครั้งแล้วว่า Tel Aviv ได้เติบโตเปลี่ยนแปลงขึ้นมาเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมชีวิตยุคใหม่ มี Modern culture ที่มาแรงที่สุดเมืองหนึ่งในตะวันออกกลาง ไม่ได้หมายถึงเมืองไฮเทคหรูระยับเงินทุ่มแบบดูไบหรือกาตาร์ แต่หมายถึงเมืองที่เคยเป็นเมืองเก่าแต่ผลัดใบออกและแตกหน่อออกมาเป็นต้นใหม่ เต็มไปด้วยความฮิปเก๋ ดีไซน์โฮเทล ร้านอาหารแบบโมเดิร์นควิซีน บาร์เปรี้ยว และคนรุ่นใหม่ที่รักศิลปะและงานดีไซน์ คราวนี้หละจะได้ไปดูด้วยตาตัวเอง