Thursday, November 21, 2024

Latin America

ท่องเที่ยวในละตินอเมิรกา

ตอนที่ฉันไป Antarctica ทวีปแห่งขั้วโลกใต้นั้น เราต้องบินจากเมืองบัวโนสไอเรสที่อาร์เจนตินาไปขึ้นเรือ ที่เมือง Ushuaia ซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่อยู่ทางใต้ที่สุดของโลก อันมีสโลแกนว่า Fin del Mundo หรือ End of the world

อุรุกวัยเป็นประเทศไม่ใหญ่ มีพลเมืองเพียง 3.5 ล้านคน พลเมืองครึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหลวง จึงเท่ากับเมืองมอนเตวิดีโอนี้มีประชากรประมาณแค่เพียง 1.7 ล้านคนเท่านั้นเอง นับว่ามีขนาดกะทัดรัดใช้เวลาไม่มากก็เที่ยวได้ทั่ว ฉันเลือกพักโรงแรมย้อนยุคในตัวเมืองเก่าเลยจะได้เดินเที่ยวสำรวจได้สะดวก

Tulum ชื่อนี้หมายมั่นปั้นมือเอาไว้นับ 10 ปีแล้วว่าจะต้องมาดูให้รู้ให้เห็นให้ได้ ก็เขาว่ามันเป็นเมืองตากอากาศชายทะเลของเม็กซิโกที่เกิดใหม่ จากหาดดิบๆไม่มีอะไร กลายมาเป็นศูนย์รวมของความฮิปเก๋ชนิดที่เอลิสต์ทั้งหลายต้องมากัน

Oaxaca อ่านว่า “วาฮะค่ะ” เป็นเมืองหนึ่งในเม็กซิโกที่ฉันฝันใฝ่มาตั้งแต่ 20กว่าปีที่แล้วว่าอยากจะมาให้ได้ เหตุผลตอนแรกก็ไม่มีสาระอะไรมากไปกว่าชื่อของเมืองที่ฟังดูเอ็กโซติกดี ฟังแลดูเป็นอินเดียน ซึ่งก็เป็นจริงดังนั้นเพราะนี่คือเมืองของเม็กซิโกซึ่งมีพลเมืองพื้นเมืองอยู่มากที่สุดเมืองหนึ่ง

เม็กซิโกมีเมืองที่เป็นเมืองมรดกโลก UNESCO อยู่กว่าสิบเมือง นับว่าเยอะมากๆ หลายเมืองอยู่ในเขต Colonial Heartland ใจกลางประเทศที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียลที่ฉันหลงใหล ในเขตนี้ เมืองที่ฉันไปชมมาก็คือ San Miguel de Allende, Guanajuato และ Querétaroเมืองโคโลเนียลเล็กๆสีแสบในละตินอเมริกานี่แหละ เป็น“ที่”ของเหนือฟ้าแท้ๆ ชนิดที่ว่า ไม่มีการเดินทางไปเมืองแบบไหนที่จะทำให้ฉันมีความสุข ลงตัว เต็มอิ่ม ได้อย่างนี้อีกแล้ว

ที่นอกเมืองเม็กซิโกซิตี้นี้มีจุดท่องเที่ยวอยู่จุดหนึ่งซึ่งเหมือนกับว่านักท่องเที่ยวทุกคนต้องมา ปกติที่แบบนี้ฉันจะไม่ตื่นเต้นนัก นึกว่าคงจะเหมือนสถานที่ดักนักท่องเที่ยวทั่วไป และอารมณ์น่าจะคล้ายกับตลาดน้ำดำเนินสะดวกอะไรประมาณนั้น จะดื่นๆปลอมๆหรือเปล่า แต่มาถึงแล้วก็ต้องไปดูให้เห็นกับตา ปรากฎว่ามันดีเกินคาด!นั่นคือที่ๆชื่อว่า Xochimilco นั่นเอง มันคือการไปนั่งเรือท้องแบนสีสันแซ่บแสบทรวงให้คนถ่อไปในลำคลอง ดูคนปาร์ตี้เปิดเพลงดื่มกินกันไปในเรือ ทั้งคลองเต็มไปด้วยเรือสีแสบสดใส ได้อารมณ์ Mexico มากๆ

เม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองใหญ่อันดับต้นๆของโลกด้วยจำนวนพลเมืองร่วมสิบล้านคน ถ้านับชานเมืองโดยรอบด้วยก็ 20 กว่าล้าน ขึ้นชื่อว่ารถติดมากที่สุดในโลกเมืองหนึ่งไม่น้อยหน้ากรุงเทพฯ ชื่อเสียงเรื่องความปลอดภัยก็ไม่ดี หลังๆมีข่าวนักท่องเที่ยวได้รับอันตรายค่อนข้างบ่อย ใครรู้ว่าฉันไปลุยมาหลายวันก็มาถามกันใหญ่ว่าน่ากลัวไหม

กลิ่นซิการ์มวนโตที่กรุ่นอวลอยู่ในไออากาศทุกตรอกซอกถนน  โมฮิโต้ ไดคิริ และคิวบันลิเบร้ที่หวานลิ้นด้วยรัมบนเคาน์เตอร์ในบาร์ทุกหัวมุมตึก จังหวะซาลซ่าที่ชวนให้ขยับแข้งขาตามก้องกังวานอยู่ทุกก้าวทุกเวลาที่ย่างผ่านไป  รถอเมริกันคันโตยุคปี 50’s แล่นผ่านตึกโคโลเนียลสีหวานที่กะเทาะกร่อนในเขตเมืองเก่า Habana Vieja  เหมือนฉากคลาสสิกของอดีตที่ถูกจัดแต่งขึ้นในโรงถ่ายภาพยนต์  หากแต่นี่คือบรรยากาศและลมหายใจในความจริงของคิวบาปี 2010  ที่หยุดเวลาไว้ในเช่นนี้มาตลอดเวลา 50 ปีไม่ว่าโลกภายนอกจะเปลี่ยนไปเช่นไร  ประหนึ่งดังว่า  ฮาวาน่าถูกแช่แข็งเก็บไว้ในห้วงของกาลเวลา

คาริย็อคค่า (Carioca) หรือคนเมืองริโอภูมิใจอย่างเหลือเกินว่า  ริโอเดอจาเนโรคือเมืองที่สวยที่สุดในโลก  สวยจนมีคำกล่าวว่า  ริโอเป็นเมืองของพระเจ้า  จะเป็นด้วยแรงศรัทธาในพระเจ้าของชาวเมืองแห่งประเทศที่มีพลเมืองคาธอลิกมากที่สุดในโลกนี้  หรือด้วยความภูมิใจในความงามของริโอ  หรือจะทั้งสองอย่างรวมกันก็ตามแต่  เหนือยอดเขา Corcovado ที่สูงเด่นเห็นได้จากทุกมุมเมือง  คือความในใจนี้ที่คาริย็อคค่าประกาศให้โลกรู้  รูปปั้นพระเยซู Christ the Redeemer สูง 38 เมตร กางพระหัตถ์ออกตรงเป็นรูปไม้กางเขน  ก้มพระพักตร์อันสงบและปรานีลงน้อยๆ  ประหนึ่งจะเฝ้าปกปักรักษาดูแลเมืองริโอและคาริย็อคค่าทุกคนไว้ในอ้อมอกไม่ว่าวันหรือคืน  และแรงศรัทธานี้ยังได้ประกาศตัวเป็นครั้งที่สอง  เมื่อ Christ the Redeemer ได้ถูกรับรองเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่เมื่อปี 2007

แม้จะเจาะลึกเปรูไปแล้วอย่างละเอียดสามเมืองกับถึงสองสัปดาห์  ความลึกลับและปาฏิหาริย์ของเปรูก็ยังคงตกตะกอนนอนอยู่ในใจฉันอย่างไม่เสื่อมคลาย  หนึ่งปีผ่านไป..ภาพประสบการณ์ที่ผ่านมาก็คอยจะผุดขึ้นมาในใจตลอด  ทุกครั้งก็จะรู้สึกว่าความสุขมันล้นท่วมท้นและคิดถึงขึ้นมาอย่างรุนแรง  เหมือนมีเสียงเรียกให้กลับไปอีก  ไม่เคยเลยที่ฉันจะเฝ้าวนเวียนครุ่นคิดอยากกลับไปเยือนสถานที่เดิมที่เคยไปมาแล้วอย่างสลัดออกจากหัวไม่ออกเช่นนี้  เหมือนคนที่ตกหลุมรัก  นี่ฉันคงจะต้องมนต์สะกดลึกลับของเปรูเข้าเสียแล้ว